
มีหลายคนสงสัยว่าถ้าอยากทานอาหารญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยมตามโรงแรมห้าดาว ที่แม้กระทั่งได้รับการยอมรับจากชาวญี่ปุ่นด้วยกันเอง จะทานที่ไหนได้บ้าง? วันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับห้องอาหาร Kisso ในโรงแรม Westin ย่านอโศก ซึ่งได้รับกรยอมรับในเรื่องของรสชาติและคุณภาพของวัตถุดิบ จนกระทั่งร้านนี้กลายเป็นร้านประจำของชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในประเทศไทย คออาหารญี่ปุ่นห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!
[[MORE]]

ร้าน Kisso ตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ของโรงแรม Westin เมื่อเข้ามาในโรงแรมแล้วให้ขึ้นลิฟท์ เมื่อขึ้นลิฟท์แล้วจะมีปุ่มแค่ชั้น M กับชั้น 7 ซึ่งชั้น 7 นั้นถึงจะเป็นล็อบบี้ของโรงแรม ให้เราขึ้นไปชั้น 7 จากนั้นเดินบันไดขึ้นไปอีก 1 ชั้น แล้วเดินเข้ามาอีกนิดก็จะพบห้องอาหาร Kisso อยู่ด้านซ้าย

ด้านหน้าร้านจะมีเคาน์เตอร์รีเซพชั่นอยู่ พนักงานจะพาเราเดินขึ้นบันได(อีกแล้ว) เพื่อเข้าร้าน

เมื่อเข้าร้านไปจะพบการตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ร้านในเฟอร์นิเจอร์ที่มีลวดลายไม้สีเข้มเป็นหลัก ทั้งผนังและวัสดุที่ทำมาใช้ก็บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นผ่านลวดลายต่างๆ

บริเวณกลางร้านจะมีเคาน์เตอร์สำหรับเชฟทำอาหารให้เราทานแบบสดๆ เหมือนซูชิบาร์สไตล์ญี่ปุ่น เราสามารถนั่งต่อหน้าเชฟแล้วสั่งอาหารให้เชฟทำให้ดูเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นเด๊ะๆ

แต่ถ้าหากท่านต้องการความเป็นส่วนตัว หรือพาแขกมาเลี้ยงเนื่องในโอกาสต่างๆ ที่นี่ก็ยังมีห้องส่วนตัวสำหรับลูกค้าประมาณ 10 ท่านให้ท่านได้จองด้วย ด้วยห้องแต่ละห้องก็จะมีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นต่างๆ

ภายในห้องก็จะมีราวและไม้แขวนเอาไว้ให้สำหรับนักธุรกิจแขวนสูทก่อนรับประทานอาหาร ซึ่งถือว่าใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้ดีมาก

แม้แต่ภายในห้องที่การตกแต่งทำได้จำกัด ก็ยังมีการนำภาพแบบญี่ปุ่นๆมาประดับตกแต่งไว้ด้วย

แต่สำหรับลูกค้าที่อยากนั่งทานเป็นโต๊ะแบบธรรมดาที่ไม่ใช่เคาน์เตอร์และห้องส่วนตัว ก็จะมีโต๊ะในลักษณะดังรูปให้ท่านได้นั่ง ซึ่งเราเลือกโต๊ะลักษณะแบบนี้สำหรับมื้อกลางวันในวันนี้

บนโต๊ะมีผ้าเช็ดปากที่ถูกพับอย่างประณีตเป็นรูปเสื้อแบบญี่ปุ่น และตะเกียบไม้ที่วางไว้บนที่วางตะเกียบแบบญี่ปุ่น

บนโต๊ะทุกโต๊ะจะมีเซตโชยุซึ่งประกอบไปด้วย โชยุ วาซาบิ และตลับใส่ไม้จิ้มฟัน

เมื่อพร้อมแล้วก็ได้เวลาเลือกอาหารกันเลย เมนูของร้านนี้มีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นให้คำอธิบาย แต่ไม่มีรูปประกอบเลย เนื่องจากวันนี้เรามากันทั้งหมด 3 คน เราจึงสั่งเป็นเซตเมนูทั้งหมด 3 เซต ได้แก่ Sushi Set, Lunch Bento Set และ Ohiruno Mini Shumibi Yaki Course ซึ่งเป็น Chef recommend ของร้านนี้ เรามาดูกันที่ละอย่างอย่างละเอียดกันเลย

เริ่มจากเซตแรกคือเซตซูชิ ในเซตประกอบไปด้วยซูชิหลากหลายหน้า เทมปูระ ไข่ตุ๋น สลัด และมิโสะซุป

ในเซตซูชินี้จะประกอบไปด้วยซูชิทั้งหมด 11 คำ จากปลาหลากหลายหน้า ไม่ว่าจะเป็น ปลาไหล, ปลาแซลมอน, ทูน่า, ปลาฮาจิมะ, ปลาหมึก, กุ้ง ไม่เพียงแค่ซูชิขนาดพอดีคำ เนื้อปลาที่สด ข้าวยังเป็นอีกส่วนประกอบที่น่าประทับใจ ข้าวเนื้อนุ่ม ไม่แน่นจนเกินไป และรสชาติก็ไม่เปรี้ยวเพราะกลิ่นมิรินที่มากไป

ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่ซูชิหน้าปลาไหลชิ้นนี้ ปลาไหลที่ทาด้วยซอสก่อนนำไปย่าง ทั้งหวานมันรสชาติดี เนื้อปลานุ่มแทบละลายในปาก ทำให้แม้กลับบ้านไป รสชาติความประทับใจของปลาไหลชิ้นนี้ก็ยังไม่เสื่อมคลาย

ในส่วนของเทมปูระ ประกอบไปด้วยเทมปูระที่เป็นกุ้ง แครอท และฟักทอง เทมปูระนั้นทอดกำลังได้ที่ แป้งกรอบ นุ่ม และเบา เนื้อแป้งไม่แห้งติดเนื้อกุ้ง ส่วนกุ้งด้านในก็สดมากเลยทีเดียว

ข้ามมาดูอาหารอีกเซตหนึ่ง ซึ่งคือ Lunch Bento Set ซึ่งในเซตนี้ประกอบไปด้วยอาหารหลักๆ 4 อย่าง จัดเรียงใส่จานแล้วนำมาเรียงใน Bento box อีกที อาหารทั้งสี่อย่างประกอบไปด้วย ไก่เทอริยากิ, ปลาดิบ, ปลาซาบะนึ่ง, และเทมปูระ นอกจากอาหารหลักทั้ง 4 แล้ว ยังมีไข่ตุ๋น สลัด ซุปมิโซะ ผักดอง และข้าวญี่ปุ่นมาให้ทานกับอาหารในเซตด้วย

มาลองชิมอาหารแต่ละอย่างกันเลย เริ่มจากปลาดิบ ซึ่งประกอบไปด้วยปลา 4 ชนิด ได้แก่ ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, และปลาซาบะ วางเรียงบนหัวไชเท้าและแตงกวา และวาซาบิที่ปั้นเป็นก้อน ในส่วนของปลาซาบะมีมะนาวผ่าเป็นแว่นๆ วางประกบอยู่ เพื่อให้รสเปรี้ยวของน้ำมะนาวซึมเข้าไปในเนื้อของปลา

ปลาดิบคุณภาพดีมาก นุ่ม ลื่น ลวดลายของเนื้อปลาสวยมาก ไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย ขอรับรองเลยว่าคอปลาดิบทุกท่านจะไม่ผิดหวังกับคุณภาพปลาดิบที่นี่แน่นอน

สำหรับเทมปูระ มีทั้งเทมปูระกุ้ง, ฟักทอง, และปลาหมึก เช่นเดียวกับเทมปูระในชุดซูชิ ซึ่งแป้งมีความกรอบและไม่ติดเนื้อปลา ส่วนปลาซาบะนึ่ง เนื้อปลาหวาน เหมือนนึ่งมาอย่างดีจนน้ำเข้าไปในเนื้อปลา ปลาค่อนข้างสด เนื้อแน่นมากๆ ในชุดยังมีเต้าหู้และถั่วฝักยาวด้วย

ไก่เทริยากิ เป็นไก่ย่างที่หนังกรอบมาก แต่บางส่วนก็ไหม้ไปนิดหน่อย เนื้อนุ่ม หมักกับซอสเทริยากิ แต่บางชิ้นก็หมักจนน้ำเข้าไปในเนื้อได้ดี แต่อย่างชั้นก็ไม่เข้าเนื้อ เนื้อไก่ค่อนข้างแห้งไปสักนิด ในชุดยังมีถั่วแระ กับไข่ม้วนที่มีไส้ปลาแซลมอนอยู่ด้านในตามรูปภาพด้านบนด้วย
หมดจากเซตเบนโตะแล้ว เรามาดูอาหารเซตต่อไป ซึ่งเป็น Chef Recommend ของร้านนี้ เซตที่ว่านั้นมีชื่อว่า Ohiruno Mini Shumibi Yaki ประกอบไปด้วย Appetizer of the Day 3 อย่าง, ซุป Osuimono, ปลาดิบรวม, และ Charcoal grill อีก 1 อย่าง ที่ให้เลือกจากตัวเลือกอาหารย่าง และปิดท้ายด้วยของหวานซึ่งเป็น Chef signature dessert

มาเริ่มกันที่ Appetizer of the Day ซึ่งจะเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน สำหรับอาหารเรียกน้ำย่อย 3 อย่างในวันนี้ประกอบด้วย สาหร่ายดอง, หอยเป๋าฮื้อ, และเป็ด สาหร่ายดองนั้นวางอยู่ในแก้ว เนื้อสาหร่ายนั้นเย็น มีรสเปรี้ยวเล็กๆ ฮอยเป๋าซื้อนิ่มมาก สด ไม่มีรสชาติเด่นชัด แต่เพียงความสดก็น่าประทับใจแล้ว ส่วนเป็ดแร่เป็นชิ้นบางๆ เนื้อนุ่ม ติดมันเล็กน้อย ถื่อว่าเริ่มต้นกับเซตนี้ได้ดี

พอทาน Appetizer เสร็จแล้วก็ต่อกันที่ซุป Osuimono ในซุปประกอบไปด้วย ไข่หวาน กุ้ง เห็ดโคน และถั่วฟักยาว

ทานซุปล้างปากเสร็จก็จัดหนักกันต่อเลยด้วยเซตปลาดิบ ซึ่งประกอบด้วยปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลาซาบะ, และกุ้งตัวใหญ่ ทั้งหวดถูกวางเรียงมาในถาดน้ำแข็งเพื่อรักษาความสด ซึ่งปลาดิบที่นี่คุณภาพยอดเยี่ยมอยู่แล้ว

ถัดมาเป็นอาหารย่างที่ให้เลือก 1 อย่างจากตัวเลือก 5 อย่าง วันนี้เราเลือกมารีวิวให้ดู 2 อย่าง ซึ่งจานแรกคือ Australian Wagyu Beef เป็นเนื้อวากิวชั้นยอดนำไปย่างแล้วหั่นเป็นชิ้นๆพอดีคำ เสิร์ฟคู่กัผักเช่นเห็ดโคน, แครทอ, และถั่วฝักยาว มีน้ำจิ้มมาให้เลือกทานทั้งหมด 3 แบบ

จะเห็นว่าเนื้อวากิวย่างในระดับ Medium-rare และมีมันแทรกซึมอยู่ในผิวเนื้อ พอเอาเข้าปากเท่านั้น เหมือนได้ยินเสียงนางฟ้าครวญเพลงอันไพเราะจากสวงสวรรค์ เนื้อวากิวนุ่มละมุนจนแทบละลายปาก จนไม่อยากรีบเคี้ยวให้หมดคำ น้ำหมักที่หมักก่อนนำไปย่างก็ซึมลึกเข้าเนื้อทำให้มีรสชาติดี ทานคู่กับหอมเจียวที่มีให้และจิ้มน้ำจิ้มทั้งสามอย่าง ก็ได้รสชาติอร่อยแปลกใหม่ไม่เหมือนกัน รับรองว่าใครได้มาทานจานนี้ กลับบ้านไปจะต้องนอนฝันดีอย่างแน่นอน

วันนี้เราโชคดีได้มีอากาสลองรีวิวอาหารย่างอีกชนิดทีมีให้เลือกในเซตนี้ นั่นก็คือ Lamp Chop Sumibi Yaki ซี่โครงแกะนำไปหมักในซอสหวานก่อนนำไปย่าง เนื้อแกะนุ่มมากและไม่ติดมัน มีกลิ่นเนื้อแกะเล็กน้อยแต่ทว่าซอสที่หมักมีรสหวานค่อนข้างชัดทำให้กลบกลิ่นคาวของเนื้อแกะไปได้

พอทานของคาวเสร็จเรียบร้อย ก็มาทานของหวานที่อยู่ในเซตด้วย ซึ่งมีชื่อว่า Chef Yone’s Signature Dessert ประกอบไปด้วยเค้กชาเขียว และผลไม้ เค้กชาเขียวนั้นมีมันญี่ปุ่นอยู่ด้านบน รสหวานนิดๆ ส่วนเค้กชาเขียวเป็นชั้นเนื้อเค้กและครีม รสชาเขียวค่อนข้างชัดเจน ส่วนผลไม้นั้นประกอบไปด้วย สตอเบอร์รี่, แตงโม, แคนตาลูป และดราก้อนฟรุต
มื้อนี้พวกเราสามคนอิ่มอาหารและอิ่มด้วยความประทับใจ ราคาอาหารทั้งหมดสำหรับสามคนประมาณ 3,600 บาท ตกคนละพันต้นๆเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยสำหรับอาหารญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยมในโรงแรมห้าดาว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม 80% ของลูกค้าในร้านนี้เป็นชาวญี่ปุ่น แม้แต่พนักงานเสิร์ฟบางคนก็เป็นคนญี่ปุ่นที่พูดไทยไม่ได้เลย นั่นเป็นการการันตีคุณภาพและรสชาติอาหารว่าถูกปากต้นตำรับของชาวญี่ปุ่นแค่ไหน

สำหรับการเดินทางมาที่ห้องอาหาร Kisso ถ้าหากท่านโดยสารจากรถไฟฟ้า BTS ให้ลงที่สถานีอโศก แล้วเดิน Sky-walk ย้อนมาทางโรบินสัน ทางเข้าโรงแรม Westin จะอยู่ก่อนถึงทางเข้าห้างโรบินสัน ให้ขึ้นลิฟท์มาชั้น 7 พอออกจากลิฟท์จะเห็นป้ายบอกทางห้องอาหาร Kisso ให้เดินขึ้นบันไดไปอีก 1 ชั้น แล้วจะพบห้องอาหารอยู่ทางซ้ายมือ
สุดท้ายนี้อยากจะฝากคนที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยมสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆว่าห้ามพลาดร้านนี้ด้วยประการทั้งปวง รับประกันด้วยจำนวนลูกค้าประจำของร้านนี้ที่เป็นชาวญี่ปุ่นกว่า 80%
ข้อมูลทั่วไปห้องอาหาร Kisso – Westin
Opening Hour:
Lunch: 11:30 - 14:30
Dinner 18:00 - 22:30
Adress:
259 ซอย สุขุมวิท 19 ถนน สุขุมวิท แขวง คลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
Map: