วันนี้เราจะพาท่านไปทานอาหารบนร้านอาหารสุดหรูย่านสาธรและชมวิวกรุงเทพมหานครยามค่ำคืน โรงแรม Sofitel So Bangkok คือโรงแรมสุดหรูที่ตกแต่งแบบเทรนดี้ ตั้งอยู่ต้นถนนสาทรติดกับแยกวิทยุ บนชั้น 29 ของโรงแรมแห่งนี้ มีห้องอาหารสุดหรู สามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพยามราตรี ตั้งแต่ถนนพระราม 4, ถนนสาธร ไปจนถึงสวนลุมพินี และเป็นแหล่ง Hang out ชั้นเยี่ยมของนักธุรกิจย่านสีลม-สาธร
เมื่อมาถึงโรงแรม ให้ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 9 ซึ่งเป็นล็อบบี้ของโรงแรม แล้วขึ้นลิฟท์อีกตัวต่อไปที่ชั้น 29 ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร Park Society ซึ่งห้องอาหารนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน ก็คือส่วนของร้านอาหาร indoor ซึ่งอย่าทางซ้าย และส่วนของบาร์ Outdoor ที่อยู่ด้านขวา เราจะขอพาท่านไปทานข้าวเย็นที่ส่วนของ indoor ก่อน หลังจากอิ่มหนำแล้วค่อยไปต่อกันที่ส่วนของ Outdoor
เมื่อเดินเข้ามาที่ด้านซ้ายของห้องอาหาร เราจะเห็นโซนครัว ซึ่งเปิดกว้างให้เราได้เห็นเบื้องหลังการทำอาหารอย่างชัดเจน
พอเดินต่อมาจะเข้าถึงโซนโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งร้านอาหารจะตกแต่งด้วยกระจกใสทั้งหมด ทำให้เรามองเห็นวิวของกรุงเทพมหานครจากชั้น 29 ได้อย่างทั่วถึง โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะหินอ่อนทั้งหมด หัวหน้าออกด้านนอกให้ผู้รับประทานอาหารได้เพลิดเพลินกับวิวขณะรับประทานอาหารไปด้วย
พอมาถึงโต๊ะ พนักงานก็จะถามถึงเครื่องดื่ม สำหรับเมนูอาหารของที่นี่ก็ทำออกมาได้อย่างเก๋ไก๋ โดยอาหารก็จะแบ่งเป็น Entrée, Main Course, และของหวาน โดยราคาของ Entrée ตกอยู่ที่ประมาณ 600-900 บาท ส่วน Main Course ตกอยู่ที่ 1,400-2,000 บาท สำหรับ Main Course นั้นแบ่งออกเป็นอาหารทะเล (So Ocean) และเนื้อ (So Meat & So Game)
หลังจากที่เราสั่งอาหารไป พนักงานก็นำเอา Conplementary Snack มาเสิร์ฟ เป็นเคแคลร์ทรัฟเฟิลร้อนๆ อุ่นกรอบๆ ด้านในเป็นไส้ชีส
พอทานหมดไม่นาน พนักงานก็นำขนมปังมาเสิร์ฟต่อ ซึ่งมีขนมปังให้เลือก 3 แบบ แต่เราลองเลือกมา 2 อย่างซึ่งก็คือ Trio Soft Roll และ Whole wheat
เริ่มจาก Trio Soft Roll ซึ่งเป็นขนมปังก้อนกลมนุ่มๆ 3 ก้อน 3 รส ได้แก่ Garlic, Tomato, Olive ส่วน Whole wheat มาในรูปขนมปังก้อน ที่โรยหน้าด้วยงา อบกรอบมากๆ ทานตู่กับเนยและซอสที่มาให้
Snack ของเรายังไม่หมดเพียงเท่านี้ ชิ้นต่อมาคือ Fresh Almond Ice Cream หน้าตาเหมือนของหวาน แต่แท้ที่จริงเป็นของคาว รสชาติเหมือนยำอัลมอนต์ มีรสชาติเปรี้ยวนิดๆ เหมือนยำแบบไทยๆ พอทานเสร็จ พนักงานก็นำ Entrée มาเสิร์ฟทันที
Entrée จานแรกคือ Lobster Tortellini with Crab XO เป็น So Signature หรือ Signature dish ของร้านนี้ Tortellini เป็นพาสต้าชนิดหนึ่ง เป็นแป้งห่อไส้เนื้อกุ้ง Lobster เสิร์ฟพร้อมเนื้อปูฉีกเป็นเส้นๆ, เห็ด, ใบโอลีฟ, และราดด้วยโฟม รสของเนื้อกุ้งออกเค็มนิดๆแบบเอเชียมากกว่าจะเป็นอาหารตะวันตก ส่วนปู่เนื้อรสชาติดี
Entrée จานต่อมา คือ Foie Gras เป็น Foie Gras ชิ้นขนาดไม่ใหญ่มาก นำไปย่าง ก็เสิร์ฟบน toasted brioche นอกจากนี้ยังมี Fresh Berry ซึ่งเป็นสารพัดเบอร์รี่ เช่น สตอเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, แครนเบอร์รี่ และยังมีอัลมอนต์ ราดด้วย pomegranate sauce ตัวเนื้อฟัวกราส์ย่างกำลังดี เกรียมนิดๆ เข้าปากแล้วแทบละลายทันที ส่วนเหล่าเบอร์รี่ก็เพิ่มรสเปรี้ยวแก้เลี่ยนได้ดี…. พอทาน Entrée เสร็จ ฟ้าข้างนอกก็เริ่มมืด เราเลยพักทานอาหารไปเก็บภาพบรรยากาศของร้านมาให้ดูกันก่อน
นั่งชมวิวดูบรรยากาศกรุงเทพตอนพบคล่ำแล้วอิ่มเอมใจกันไปแล้ว มาอิ่มท้องกันต่อด้วย Main Course ซึ่งเป็น Signature Dish ของที่นี่ จานแรกคือ Snow fish
สำหรับจานนี้มีประกอบไปด้วยปลาหิมะ 2 ชิ้นใหญ่ๆ ทั้งสองชิ้นต่างถูกนำมาห่อด้วยเบค่อน ชิ้นหนึ่งเสิร์ฟบน Lentil salad ราดด้วย Mussel sauce ส่วนอีกชิ้นเสิร์ฟบน Leek cream เป็นต้นกระเทียมฝรั่ง ราดด้วย Red Wine Sauce นอกจากนี้ยังมี Crispy Bacon แผ่นยาว และเห็ดสามชนิดที่อยู่ตรงกลาง ได้แก่ เห็ดชิเมจิ, เห็ดโคน, เห็นแชมปิญอง
เนื้อปลานั้นขาวจั๊วะ เนื้อแน่น หอมเนยนิดๆ รสชาติประทับใจ ส่วนเบคอนเป็นส่วนเนื้อซะเยอะ ไม่ค่อยติดมันมากนัก เบคอนนั้นแผ่นบางและเรียบ กรอบอร่อย ชิ้นที่เสิร์ฟบน Red wine กลิ่นไวน์ไม่แรงมากนักและรสไม่จัดเท่าไหร่ ส่วนชิ้นที่เสิร์ฟบน Leek cream รสจะเบากว่า แต่ออกกลมกล่อมทั้งสองชิ้น ส่วนเห็ดนั้นต้มได้กำลังดี นุ่มและมีรสอร่อย
สำหรับ Main Course จานที่สองค่อนข้างโหดกว่า จานนี้มีชื่อว่า Prawn Scallop & Pork Belly เป็นหมูกรอบ, หอยเชลล์, และกุ้ง หมูกรอบนั้นชิ้นใหญ่มาก ชั้นหนังกรอบมากๆ ส่วนชั้นมันไม่หนามาก เนื้อรสชาติดี ไม่แข็ง แต่ชั้นเนื้อเองก็ไม่ชุ่มมากเกินไป หมูกรอบนั้นเสิร์ฟอยู่บน Lentil Salad ที่ผสมกับ Red Wine Sauce เช่นเดียวกัน ส่วนอีกฝั่งประกอบไปด้วย Tiger Prawn กุ้งขนาดค่อนข้างใหญ่ และ Scallop ชิ้นโต
Main Course ทั้งสองจานค่อนข้างใหญ่ กว่าเราจะทานหมดก็แทบแย่ แต่รสชาติจัดว่าอร่อยน่าประทับใจทั้งคู่ เราสั่งของหวานปิดท้ายเล็กน้อย แต่ก่อนอื่นได้เวลาย้ายไปนั่งด้านนอกชมวิวกันแล้ว
อย่างที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ในส่วนของร้านอาหารและส่วนของนั่งดริ้ง โซนนั่งดริ้งจะเป็น Outdoor เปิดโล่ง สามารถเห็นวิวได้รอบทิศ รับลมชิวๆเย็นสบาย
ส่วนการตกแต่งเป็นสไตล์บาร์แบบโมเดิร์น มีการเล่นโทนแสงสีแดงและสีฟ้า โต๊ะเป็นหินอ่อนแบบเดียวกับด้านใน ส่วนเก้าอี้เป็นเบาะนั่งสบาย
ซึ่งจากจุดนี้เห็นวิวของกรุงเทพมหานครฝั่งพระราม 4 ชัดเจนมาก กรุงเทพยามค่ำคืนของเราสวยไม่แพ้ประเทศไทยแน่นอน
หลังจากที่ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของกรุงเทพไปแล้ว กลับมาที่อาหารของเราต่อ พนักงานนำเอา Conplementaryอีกอย่างมาให้เราทาน (ร้านนี้แจกบ่อยมาก) ชื่อของของหวานชนิดนี้คือ Lemon Time เป็นเลม่อนเชอร์เบ็ท รสออกเปรี้ยวแต่ไม่เปรี้ยวจัดมาก
และก็มาถึงของหวานที่เราสั่ง ของหวานจานนี้ชื่อ Berry Soufle มาคู่กับไอศกรีม Berry cherbet ตกแต่งด้วยสตอเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่, และแครนเบอร์รี่ ตัว Soufle เสิร์ฟขณะร้อนๆ นุ่มละลายในปาก รสหวานปนเปรี้ยว หอมกลิ่น Berry ส่วนไอศกรีมนั้นรสเปรี้ยวจัดมาก ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเสิร์ฟคู่กับไอศครีมที่ไม่รสเปรี้ยวจัดแบบนี้มากกว่า
พนักงานยังไม่ยอมให้เราหยุดทานง่ายๆ ปิดท้ายนำช็อคโกแลต 3 ชิ้นมาให้เราลองทานอีก ประกอบไปด้วย ช็อคโกแลตรสนม, รสแกงกะหรี่, และรสแบบไทยๆ
หลังจากอิ่มเอมกับวิวแล้วก็ได้เวลาเช็คบิล ค่าอาหารทั้งหมดสำหรับ 2 Entrée 2 Main Courses 1 Dessert และเครื่องดื่มอีกนิดหน่อย ราคาอยู่ที่ 6,900 บาท ซึ่งถือว่าได้มาตรฐานราคาของร้านอาหารดาดฟ้า และจากการที่เราตระเวนทานร้านดาดฟ้ามาหลายร้าน ที่นี่อร่อยมาก และที่น่าประทับใจอีกอย่างคือการบริการของพนักงาน ตั้งแต่ตอนโทรจองโต๊ะ พนักงานใส่ใจทุกรายละเอียด รวมถึงตำแหน่งที่นั่ง, และมีอะไรจะขอพิเศษเพิ่มเติมหรือไม่ และพอมาถึงมีการเสิร์ฟ Conplementary ให้ลองชิมอย่างต่อเนื่อง และอื่นๆอีกหลายอย่างที่ทำให้มื้อค่ำวันนี้ของเราสมบูรณ์แบบ
ถ้าอยากได้รับประสบการณ์ดีๆแบบนี้ สามารถมาได้ที่ห้องอาหาร Park Society โรงแรม Sofitel So Bangkok ตั้งอยู่ที่ต้นถนนสาธร ติดกับแยกวิทยุ สำหรับท่านที่นำรถมา สามารถเลี้ยวรถเข้าโรงแรมได้จากทั้งฝั่งพระราม 4 และฝั่งสาธร ส่วนคนที่สะดวกเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ สถานีที่ใกล้ที่สุดรถใต้ดินสถานีสวนลุมพินี ทางออกที่ 2 แล้วเดินข้ามแยกมาที่โรงแรม ก่อนจะจบรีวิววันนี้ พนักงานกำชับอย่างมากเรื่องการแต่งกาย จะต้องเป็น Smart Casual เท่านั้น
ข้อมูลทั่วไปห้องอาหาร Park Society โรงแรม Sofitel So Bangkok
Opening Hour:
Dinner: 6:00 PM - 10:30 PM
Bar & Snacks: 5:00 PM - 12:30 AM
Drinks & Cocktails: 5:00 PM - 02:00 AM
Address:
2 ถนนสาธรเหนือ, เขตบางรัก, กรุงเทพ 10500
Map:
No comments:
Post a Comment