[รีวิว] The Dining Room บุฟเฟ่ต์สุดหรูในบรรยากาศแบบยุโรป

  • 0

image
บรรยากาศภายในร้านเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการรับประทานอาหาร การตกแต่งร้านที่สวยงามทำให้ผู้รับประทานอาหารเกิดความผ่อนคลายและดื่มด่ำบรรยากาศไปพร้อมกับรสชาติของอาหาร วันนี้เราจะพาท่านไปรีวิวห้องอาหารแห่งหนึ่งซึ่งตกแต่งสถานที่ได้อย่างสวยงามในบรรยากาศแบบยุโรป ห้องอาหารนั้นก็คือ The Dining Room ของโรงแรม Grand Hyatt Erawan ย่านราชประสงค์




image

ห้องอาหาร The Dining Room ตั้งอยู่ในชั้น Lobby ของโรงแรม Grand Hyatt Erawan ห้องอาหารนั้นตกแต่งมีบริเวณกว้างมาก ตกแต่งในสไตล์ยุโรปร่วมสมัย ใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ และเล่นแสงอย่างสวยงาม โต๊ะถูกจัดเป็นสัดส่วน และบริเวณเคาน์เตอร์อาหารนั้นอยู่ที่มุมของห้องอาหาร

image

เราจะลองไปดูอาหารในแต่ละประเภทกันเลย เริ่มจากกลุ่ม BBQ ก่อน

image

BBQ ที่นี่มีตัวเลือกหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น Beet Sirloin, Lamp, Chicken, Salmon, Honey-glaced Ham ที่น่าสังเกตคือเคาน์เตอร์ BBQ ที่นี่จะไม่ราดซอสมาให้ แต่ทว่าให้เราเลือกซอสเอง ซึ่งมีหลากหลายมาก ถ้าหากใครกลัวทานไม่ถูก เชฟก็ยินดีที่จะให้คำแนะนำว่าเนื้อชนิดไหนเข้ากันได้ดีกับซอสชนิดไหน

image

สำหรับวันนี้เราลองเลือก Beef กับ Lamp มาทานครับ Beef ที่ทำเสร็จแล้วอยู่ในระดับ Medium แต่ถ้าหากใครชอบสุกกว่านี้ ก็ขอให้เชฟเอาไปย่างเพิ่มได้ ส่วนตัวคิดว่าระดับ Medium ที่ย่างมาแล้วค่อนข้างเหนียวไปนิดนึง ทานคู่กับซอสเกรวี่ไก่หรือซอสเห็ดก็อร่อยทั้งคู่ ส่วนซี่โครงแกะเนื้อนุ่มชิ้นหนา ติดมันเล็กน้อย หนังกรอบ แต่ส่วนที่เป็นหนังค่อนข้างเค็ม ต้องพยายามเลี่ยงอย่าทานส่วนที่เป็นหนัง

image

มาถึงอีกเมนูที่หลายคนชื่นชอบ นั่นก็คือ ฟัวกราส์ อาหารฝรั่งเศสสุดหรู สามารถขอฟัวกราส์ได้ที่เคาน์เตอร์ BBQ เช่นเดียวกับเนื้อชนิดอื่นๆ เชฟจะไม่ราดซอสมาให้ เราเลยลองถามเชฟดูว่าทานคู่กับอะไรดี เชฟแนะนำซอสมาให้ 3 ชนิดคือ ซอสแอปเปิ้ล, ซอสมะม่วง, และซอสมะเขือเทศ

image

เชฟให้ฟัวกราส์มาหลายชิ้นมาก เราเลยลองทานคู่กับซอสทั้งสามทีละอย่างดูว่าอย่างไหนดีที่สุด ซอสแอปเปิ้ลจะให้รสเปรี้ยวตัดกับความเลี่ยนของเนื้อฟัวกราส์ได้ดี ในขณะที่ซอสมะม่วงจะค่อนข้างหวาน ทานกับฟัวกราส์จะให้รสชาติหวานมัน ส่วนซอสมะเขือเทศจะกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวไม่หวานจนเกินไป ส่วนตัวแล้วชอบทานกับซอสมะเขือเทศมากกว่า เพราะรสของซอสมะเขือเทศจะไม่แรงมากจนกลบรสฟัวกราส์ แต่เสริมรสของฟัวกราส์ให้ดีขึ้น ขณะที่ซอสแอปเปิ้ลกับซอสมะม่วงจะชัดกว่า อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนชอบครับ

image

ใกล้ๆกับเคาน์เตอร์ BBQ มีอาหารอีกชนิดที่ทำสดๆ นั่นก็คือเทมปูระ  เทมปูระมีให้เลือกทั้งที่เป็นกุ้งทอด และที่เป็นผักทอด กุ้งทอดกรอบ ไม่อมน้ำมัน เนื้อแป้งไม่ติดกับเนื้อกุ้งมาก ไหนๆก็พูดถึงอาหารญี่ปุ่นแล้ว ก็มาต่อที่อาหารญี่ปุ่นกันเลย

image

อาหารญี่ปุ่นที่นี่มีปลาดิบให้เลือกหลากหลายหน้า เช่น แซลมอน, ทูน่า, กะพง, ปลาหมึก ส่วนคนที่ชอบทานซูชิ ก็มีซูชิให้เลือกทานที่เคาน์เตอร์ซูชิ ซึ่งมีเชฟคอยทำให้สดๆ รวมทั้งหั่นปลาดิบให้ทานด้วย

image

ต่อจากอาหารญี่ปุ่นก็คืออาหารจีน ที่นี่มีขนมจีบกุ้งและฮะเก๋าให้เลือกทาน ทั้งสองอย่างวางอยู่ในซึงเพิ่งนึ่งร้อนๆ ทั้งขนมจีบและฮะเก๋าชิ้นไม่ใหญ่มาก ไส้แน่น

image

สำหรับคนชอบอาหารทะเลสดๆ ก็มีอาหารทะเลให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึก กุ้ง หอยนางรม และหอยแครง ซึ่งรับประกันความสด หอยนางรมตัวไม่ค่อยใหญ่มาก ส่วนกุ้งนั้นแม้จะตัวไม่ใหญ่แต่สดมาก โดยรวมอาหารทะเลที่นี่ยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับอาหารทะเลที่อื่นที่จะขนาดใหญ่และมีตัวเลือกมากกว่านี้

image

ถัดจากอาหารทะเล ก็มาดูอาหารไทยกันบ้าง ตัวเลือกอาหารไทยที่นี่ถือว่าเยอะเลยทีเดียว ทั้งหมดถูกจัดเรียงอยู่ในภาชนะแบบไทยๆ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

image

เริ่มกันด้วยส้มตำ ไม่ค่อยเผ็ดท่าไหร่ รสไม่จัดไม่เปรี้ยวมาก ชาวต่างชาติสามารถทานได้

image

ยำทะเลที่ประกอบไปด้วยกุ้งและเผ็ด รสชาติค่อนข้างจัด แต่ไม่เผ็ดมากจนเกินไป อาจจะเผ็ดสำหรับชาวต่างชาติแต่สำหรับคนไทยรสชาติกำลังดี

image

ข้าวตังหน้าตั้ง อีกอาหารแบบไทยๆ  ข้าวทอดกรอบวางเป็นแพให้เลือกหยิบ ทานคู่กับหน้าตั้งที่วางอยู่ในถ้วยข้างๆ รสชาติกำลังดี ไม่ค้นและรสไม่จัดมาก ส่วนข้าวตังก็ไม่เค็มจนเกินไป

image

หมูสเต๊ะอาหารบ้านๆอีกเมนูที่หาทนได้ที่นี่ หมูติดมันค่อนข้างเยอะ เนื้อนุ่ม สำหรับคนที่ไม่ชอบแบบติดมันอาจจะไม่ชอบ รสชาติหมูหมักเข้มข้น มีอาจาดและแตงกวาหอมแดงให้ทานคู่กัน ตัวเนื้อหมูรสชาติดีอยู่แล้วไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อย

image

ผัดไทย อีกหนึ่งอาหารไทยขึ้นชื่อก็มีให้ทาน ผัดไทยนั้นเป็นผัดไทยกุ้งวางอยู่ในถาดหน้าเคาน์เตอร์เทมปูระ มีเครื่องเช่น ถั่วงอก, ต้นหอม, มะนาว ถั่วลิสงบด และเครื่องปรุงให้ปรุงตามใจชอบ

image

ออกมาหน้าตาของผัดไทยก็เป็นประมาณนี้ เส้นของผัดไทยนั้นแฉะไปหน่อย ส่วนกุ้งนั้นสด ชิ้นไม่ใหญ่ มีกลิ่นกุ้งแห้งค่อนข้างแรง บีบมะนาวและทานคู่กับต้นหอมรสชาติดี

image

นอกจากนี้ก็ยังมีแกงเผ็ดเป็ดย่าง ทานคู่กับขนมจีน
image

สำหรับคนที่ชอบทานซุปแบบไทยๆ ที่นี่มีเกาเหลาหมูตุ๋นให้ตักทาน เกาเหลานั้นจะอยู่ในหม้อ มีลูกชิ้นและหมูชิ้นใหญ่ สามารถใช้ตักและปรุงได้ตามที่ต้องการ และนี่คือหน้าตาของเกาเหลาหมูตุ๋นของเรา จะเห็นได้ว่าหมูนั้นชิ้นใหญ่มาก เนื้อหมูนั้นนุ่มและติดมัน ใครไม่ชอบทานมันควรเลี่ยง ส่วนลูกชิ้นก็อร่อย น้ำซุปไม่ข้น ปรุงรสชาติมาดีอยู่แล้ว ไม่ต้องปรุงเพิ่มก็อร่อย

image

นอกจากนี้ยังมีอาหารพวกสลัดสำหรับคนรักสุขภาพ ทั้งสลัดบาร์ให้ผสมเอง และสลัดที่ทำสำเร็จแล้วเช่น Mushroom Salad, Potato Salad

image

ไม่ห่างจากบริเวณสลัด มีเครื่องสไลด์แฮมสำหรับฮั่นแฮมสดๆ เป็นแผ่นบางๆ ทานคู่กับสลัด และยังมีเนื้อแฮมอีกหลากหลายแบบให้เลือกด้วย
image

พอเสร็จอาหารคาว ก็มาต่อกันที่ของหวาน ซึ่งที่นี่มีเคาน์เตอร์ของหวานขนาดใหญ่ และมีตัวเลือกของหวานให้เลือกหลากหลายมาก

image

Chocolate Fountain มีทั้งมาร์ชเมลโล่, องุ่น, แคนตาลูป, แพนเค้ก

image
image

สำหรับคนชอบของหวานแบบไทยๆ ที่นี่มีข้าวเหนียวมะม่วงให้เลือกทาน ไม่ใช่แค่เพียงมะม่วง ยังมีสังขยา, หน้ากุ้ง, ถั่วเหลือง, น้ำกะทิ ให้เลือกตักผสมตามใจชอบ

image

นอกจากนี้ยังมีของหวานไทยอื่นๆ เช่น ลูกชุบ, ทองหยิบ, ถั่วแปบ, ขนมสอดไส้, ขนมห้องแกง ถือได้ว่าเยอะมากเลยทีเดียว

image

สำหรับผู้ใหญ่อาจจะชอบบัวลอยน้ำขิง บัวลอยลูกเล็กๆ 3 ลูกวางในถ้วยให้เราตักใส่น้ำขิงใส่ บัวลอบลูกไม่ใหญ่ แป้งไม่หนามาก ส่วนน้ำขิงไม่เผ็ดร้อนแรงเกินไป รวมแล้วชามนี้อร่อยเลยทีเดียว

image

สำหรับไอศกรีม มีไอศกรีมทั้งหมด 5 รสคือ Pistachio, Passion fruit sherbet, Vanilla, Coconut, Coffee

image

เป็นอย่างไรบ้างครับ แค่เห็นตัวเลือกอาหารทั้งหมดก็ตาลายแล้ว เบ็ดเสร็จแล้วค่าอาหารตกอยู่ที่ 1,754 บาท Net ต่อคน ซึ่งถือว่าเทียบกับตัวเลือกอาหารและบรรยากาศร้านแล้วต้องถือว่าคุ้มค่ามากๆ

image

สำหรับผู้ที่สนใจมารับประทานอาหารที่ห้องอาหาร The Dining Room สามารถเดินทางมาได้ที่โรงแรม Grand Hyatt Erawan อยู่ติดแยกราชประสงค์ ถ้าเดินทางโดย BTS สามารถลงได้ที่สถานีชิดลม แล้วเดินย้อนขึ้นมาบริเวณราชประสงค์ โรงแรมสามารถเข้าได้จาก Skywalk แล้วทะลุต่อมาทั้งชั้น Lobby ของโรงแรม ห้องอาหารได้รับความนิยมอย่างมาก ดังนั้นการจองโต๊ะล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก
โดยสรุปแล้วเป็นห้องอาหารที่น่าประทับใจทั้งใจทั้งบรรยากาศการตกแต่งแบบยุโรปและความหลากหลายของอาหาร

ข้อมูลทั่วไปห้องอาหาร The Dining Room – Grand Hyatt Erawan Bangkok
Opening Hour:
Breakfast: 6:00am - 10:30am
Lunch: 12:00 noon - 2:30pm (3:00pm on Sat/Sun)
Dinner: 6:00pm - 10:30pm
Address:
494 ถนนราชดำริ กรุงเทพ 10330
Map:

No comments:

Post a Comment