[รีวิว] La Scala - The Sukhothai Hotel

  • 0
image
Review by Flash
วันนี้เราเอาใจคออิตาเลียโนกันแบบพิเศษสุดๆ กับร้านชื่อดัง La Scala ณ โรงแรมสุโขทัย สุดหรูกลางกรุงย่านสาทร ที่ให้บริการอาหารอิตาเลี่ยนขนานแท้โดยเชฟต้นตำรับจากแดนมักกะโรนี รวมทั้งบริกรที่คอยต้อนรับและแนะนำอาหารแบบสไตล์ยุโรป มาดูกันว่าร้านนี้จะยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือหรือไม่



image
แต่ก่อนอื่นเรามาเริ่มจากบรรยากาศ ภายในโรงแรมกันเสียก่อน โรงแรมสุโขทัยใช้การตกแต่งสไตล์ไทยเดิม ตัวอาคารคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย จัดสรรพื้นที่ได้อย่างดีไม่ทำให้รู้สึกแออัดแม้ว่าจะอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ ร้านอาหาร La Scala อยู่ในบริเวณเดียวกับสระว่ายน้ำ หากท่านมาถึงร้านก่อนเวลา สามารถมานั่งพักรอชมวิวที่ริมสระน้ำได้ พร้อมกันนี้ทางโรงแรมยังนำน้ำดื่มเย็นๆ ผสมเลมอน มาคอยต้อนรับ เวลาดื่มได้กลิ่นสดชื่นแบบจางๆ ช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี
image
image
image
เมื่อก้าวเข้าสู่ร้าน จากบรรยากาศแบบไทยเปลี่ยนเป็น Western สไตล์ในทันใด ทางเดินระยะสั้นสู่บริเวณโต๊ะอาหาร ใช้ผนังลายไม้สีเข้มเป็นตัวเสริมให้รูปของเหล่าบรรดาเชฟดูเด่นชัด พร้อมลูกเล่นตู้โชว์ไวน์ที่ฝังไว้ในผนัง เมื่อเดินต่อมาบริกรจะต้อนรับท่านเป็นอย่างดีพร้อมนำทางท่านไปที่โต๊ะ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ Indoor และ Outdoor
image
image
เริ่มจากโซนแรก แบบ Indoor ท่านจะสัมผัสกับบรรยากาศภายในร้านได้อย่างเต็มที่แสงไฟสลัวๆ ตกแต่งเรียบง่ายแต่มีจุดเด่นที่ครัวแบบ Open ขนาดใหญ่อยู่กลางร้าน ทำให้ท่านสามารถเพลิดเพลินไปกับลีลาการปรุงอาหารของบรรดาเชฟ และอีกหนึ่งมุมที่น่าสนใจกับ เตาอบแบบสไตล์อิตาเลี่ยนแท้ๆ ก่อด้วยอิฐแดงใช้ความร้อนจากถ่าน ซึ่งสามารถให้ความร้อนได้สูงกว่าเตาแก๊ส อีกทั้งยังได้กลิ่นหอมๆจากไม้ ถือเป็นเคล็ดลับความอร่อยที่เป็นตัวตัดสินรสชาติของพิซซ่าเลยก็ว่าได้
image
image
image
หรือท่านจะเลือกนั่งในโซน Outdoor ซึ่งจัดโต๊ะไว้ในบริเวณที่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำ ประดับประดารอบๆ ด้วยดอกไม้ ก็ให้บรรยากาศที่เพลิดเพลินไม่แพ้กัน
image
เมื่อพร้อม บริกรจะเข้ามาแนะนำอาหาร รวมทั้งวัตถุดิบที่ใช้อย่างละเอียดเพื่อให้ท่านเลือกเมนูที่ชื่นชอบได้ง่ายขึ้น แต่ดูเหมือนสำหรับผมจะเป็นการทำให้ลำบากขึ้น เนื่องจากน่าทานทุกเมนูจริงๆ ในวันนี้บริกรแนะนำเป็นเมนูสุดคุ้มกับ Business Lunch Set ที่ท่านสามารถทาน Starter ได้ไม่อั้น เสิร์ฟพร้อม Main course กับของหวานเลือกตามใจชอบ โดยที่เมนูในแต่ละสัปดาห์จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
image
image
เริ่มจากขนมปังทานเล่นเสิร์ฟคู่กับ น้ำมันมะกอกแบบ Extra Virgin ซึ่งเป็นแบบที่นิยมนำมาทานสดๆ มีเพียงกลิ่นบางๆ เพิ่มความหอมแบบนุ่มลึก ผสมกับ Balsamic เล็กน้อย ขนมปังที่ดูแสนธรรมดา แต่บอกเลยว่าสร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก เนื้อด้านนอกกรอบเหมือนแป้งพาย ด้านในกลับนุ่มได้รสสัมผัสของเนื้อขนมปัง รสชาติหอมมันเค็มเล็กน้อยจากเนยชั้นดี
image
image
มาถึงเมนู Starter แบบไม่อั้น อีกทั้งยังมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ในวันนี้ขอประเดิมด้วยซุป Carrot & Ginger สีส้มสดใสน่าทานยิ่งนัก ซุปเนื้อครีมข้นๆ ได้ความหวานจากแครอท และกลิ่นหอมจากขิง เติมรสชาติให้โดดเด่นด้วย Sea salt และพริกไทยดำ ตามชอบ
image
ถัดมากับโซนชีสและกับแกล้มต่างๆ เอาใจคนรักชีสด้วย ชีส 3 สไตล์ได้แก่ Gorgonzola ที่เด่นในเรื่องความหนืดอันเป็นเอกลักษณ์ของชีสที่ทุกคนชื่นชอบ ต่อมาคือ Pecorinoได้กลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น และ Fontina ชีสชั้นดีที่ผ่านกรรมวิธีอย่างพิถีพิถัน ทานคู่กับแคร็กเกอร์ เข้ากันเป็นที่สุด หรือจะลองทาน วอลนัทคาราเมล อีกหนึ่งสุดยอดถั่วเคลือบด้วยคาราเมลรสหวานหอม เคี้ยวกรุบกรอบ เป็น Starter แบบเบาๆ ที่ให้ความเป็นยุโรปแท้ๆ
image
image
ต่อกันด้วยสลัดบาร์ที่มีบริการทั้งแบบ Make your own หรือแบบพิเศษต่างๆ ที่ผ่านการปรุงและคลุกเคล้าโดยเชฟมาแล้ว
image
เริ่มจากแบบผสมเอง Make your own ทางร้านเลือกใช้ผักพื้นหลายชนิดนำมารวมกันเป็น Mix salad ไม่ว่าจะเป็นผักไฮโดร อย่าง เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค เรดคอเรล ฟินเลย์ รวมถึง ผักกาดแก้วและผักครอส และมีผักเสริมให้เลือกมากมายตามใจชอบอาทิ แครอท หอม ลูกเกด รวมถึง เบคอนกรอบ และ ขนมปังกรอบ และที่เด็ดสุดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพิ่มความมันให้กับสลัดของท่าน น้ำสลัดมีให้เลือก 3 สไตล์เช่นกัน เริ่มจาก ซีซาร์สลัดแบบ Home made ของทางร้าน ซึ่งรสชาติดีต่างจากทั่วๆ ไป น้ำสลัดมีรสชาติเข้มข้น เนื่องจากผสมชีสลงไปได้ความเค็มและหอม เพิ่มรสชาติด้วยพริกไทยดำ หรือจะเป็นน้ำสลัด Balsamic แบบข้น ก็อร่อยไม่แพ้กันBalsamic เป็นน้ำส้มสายชูที่หมักกับองุ่น นำมาทำให้ข้นด้วยน้ำตาลจึงได้รสแบบหวานอมเปรี้ยว หอมกลิ่นคล้ายไวน์แดง และสุดท้ายน้ำสลัดสุดเปรี้ยว lime แปลกใหม่หาทานที่อื่นไม่ได้ รสชาติเปรี้ยวจี๊ด สะใจ ตัดรสเลี่ยนได้เป็นอย่างดี โดยทางร้านจะมีบริการชามใหญ่ไว้ให้ท่านได้คลุกเคล้าสลัดให้เข้าที่ เพื่อความอร่อยในการทานอีกด้วย
image
หรือว่าจะเป็นสลัดแบบพิเศษ ที่เชฟได้รังสรรค์ก็มีให้เลือกมากมาย เริ่มจาก สลัดปลาโอ นำปลาโอไปรนไฟบางๆ ให้สุกเพียงผิวนอก ยังคงความนุ่มสัมผัสของปลาดิบไว้ ทานคู่กับหัวหอมคลุกน้ำสลัดใสและเครื่องเทศนานาชนิด ได้กลิ่นหอมเครื่องเทศแบบเด่นชัด รสหวานจากหอมตัดกับรสเปรี้ยวของน้ำสลัด เสริมความโดดเด่นให้เนื้อปลา จัดว่าเป็นเมนูเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดา
image
จากนั้นมาลอง สลัด Feta cheese เมนูเรียบง่าย ที่ใช้ Feta cheese ชีสเนื้อเบาเนียนนุ่มรสชาติอ่อนๆ แต่มีความมันทานคู่กับมะเขือเทศรสเปรี้ยวตัดกันอย่างพอดิบพอดี
image
นอกเหนือจากสลัดผักสด ทางร้านยังมีบริการผักย่างอีกด้วย กับเมนู กุ้งและผักย่าง นำซูกินีไปย่างช่วยให้มีความหอมมากขึ้น แต่ในเมนูนี้ซูกินีเป็นเพียงแค่ตัวเสริมเท่านั้น พระเอกของจริงอยู่ที่กุ้งเนื้อแน่นกรอบผสมให้เข้ากับซูกินีและเห็ดย่างด้วยเครื่องเทศ
image
image
จากนั้นพลาดไม่ได้เลยกับบรรดา Cold Cut สุดอลังการที่ทางร้านจัดให้ เรียกว่าสไลด์กันสดๆ จากเครื่อง เพื่อให้เนื้อต่างๆ มีความนุ่ม ไม่สัมผัสอากาศนานเกินไปจนเสียรสและแห้ง มีให้เลือกทานทั้ง พาร์ม่าแฮม ซาลามี่ และอีกมากมาย ทุกชนิดมีความนุ่มและมีรสเข้มข้นมาก
image
image
แต่ที่อยากให้ลอง เรียกว่าเป็นพระเอกของบรรดา Cold Cut ในวันนี้ คือเมนู พาร์ม่าแฮมเมลอน นำแฮมชั้นดีไปวางซ้อนทับกับเมลอนรสชาติหวาน เมื่อทานคู่กันความหวานหอมจากเมลอนช่วยให้รสชาติแฮมลอยเด่น มีความเค็มแบบพอดี สามารถสัมผัสรสชาติจากเนื้อได้มากขึ้น
image
และอีกอันที่ท่านต้องลอง สลัดร็อกเกตพาร์ม่าแฮม นำพาร์ม่าแฮมไปห่อใบร็อกเกต โรยด้วย Parmesan cheese ใบร็อกเกตมันๆ บวกกับความมันของชีส เรียกว่าได้รับความมันดับเบิ้ล เท่านั้นยังไม่พอ ไส้ในตรงกลางยังมี Mozzarella Cheese ให้เซอร์ไพรส์ตอนทานอีกด้วย ผนวกกับรสชาติของแฮมสดๆ เป็นเมนูสลัดที่ให้ความมันถึง 4 เท่าสุดยอดจริงๆ
image
แค่ Starter ก็มีให้เลือกทานกันได้อย่างจุใจเสียแล้ว แต่ยังก่อนเรายังมี Main course สูตรพิเศษมาให้ลิ้มลองกัน เริ่มจากเมนู อาหารข้าวจานหลักหนึ่งเดียวจากแดนพิซซ่า Foie Gras Risotto เป็นข้าวผัดสไตล์อิตาเลี่ยนสีเหลืองทอง ผสมชีสในการผัดทำให้ได้รสชาติหอมมันเค็ม พร้อมความหนืดแบบเข้มข้นเนื้อออกครีมมี่ๆ เล็กน้อย เม็ดข้าวมีความกรุบแต่ไม่ถึงกับกรอบ ได้รสสัมผัสที่หลากหลายระหว่างทาน พร้อมเคล็ดลับสูตรพิเศษนำ Foie Gras ลงไปผสมกับน้ำซุปผัดข้าวเพื่อให้ได้กลิ่นหอมและความมัน ทานคู่กับพีชเชื่อมด้วยไวน์แดง สุดท้ายโรยด้วย Hazelnut เพิ่มความกรุบกรอบ
image
และหนึ่ง Main course จาก Lunch Set เหมาะสำหรับคนรักเนื้อเป็นอย่างยิ่ง Braised Charolaise Beef Cheek หรือ เนื้อแก้มวัวตุ๋น เชฟเลือกใช้เนื้อแก้มวัวซึ่งมีเอ็นแทรกอยู่ นำมาตุ๋นให้นุ่มทานคู่กับต้นกระเทียมและเห็ดให้กลิ่นหอมฉุนแต่ไม่แรง เนื้อชิ้นโตแต่ออกแรงหั่นเพียงเล็กน้อยแสดงถึงความนุ่มของเนื้อได้เป็นอย่างดี เอ็นที่แทรกอยู่สุกพอดีให้สีโป่รงใส เมื่อลองทานเนื้อนุ่มมากตามที่คิดไว้ เอ็นละลายเป็นเจลลาตินได้รสเข้มเต็มที่จากเนื้อวัวยิ่งทานคู่กับเกี๊ยวทอดไส้เห็ดทรัฟเฟิลแบบอิตาเลี่ยนได้กลิ่นหอมของสุดยอดเห็ดระดับโลกราดด้วยซอสเกรวี่ยิ่งเข้ากัน
image
และพิเศษสุดๆ กับเมนูแนะนำเพิ่มเติมนอกเหนือจาก Lunch Set เนื่องจากทางร้านเลือกใช้เตาถ่าน ดังนั้นเมนูพิซซ่าต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน กับเมนู Stiacciatina พิซซ่าแป้งบางกรอบนำมาประกบกัน สอดไส้ด้วยพาร์ม่าแฮมนุ่มๆ รสเข้มข้น ผักร็อกเกตมันๆ มะเขือเทศสดให้รสเปรี้ยวหวาน และ สุดท้ายผสานทุกอย่างให้เข้ากันด้วย Mascarpone cheese ที่มีรสชาติเบากว่า Mozzarella จึงทำให้รสชาติของเครื่องอย่างอื่นโดดเด่นออกมา เข้ากันอย่างลงตัวกับแป้งพิซซ่าที่กรอบกำลังดี โรยด้วยเครื่องเทศเพิ่มรสชาติ ทำให้พิซซ่าถาดนี้สมบูรณ์แบบจริงๆ
image
ตบท้ายด้วยของหวานจาก Lunch Set เช่นเคย กับ  Mini Rum Baba เป็นเค้กเนื้อฟองน้ำขนาดพอดีคำเสิร์ฟคู่กับวิปปิ้งครีมรสหวานนิดๆ และผลไม้รสเปรี้ยวอย่าง สัปปะรด และลูกแพร แต่งหน้าด้วยทองคำเปลว ช่วยให้ดูน่าทานยิ่งขึ้น สุดท้ายราดด้วยเหล้ารัม ซึ่งทางร้านมีให้เลือกถึง 3 แบบได้แก่ แบบ  Gold, Grand Cru  และ Black เรียงลำดับตามความเข้ม ในวันนี้บริกรแนะนำแบบ Grand Cru Rum ซึ่งมีรสชาตินุ่มๆ เข้มปานกลาง เมื่อราดลงไปบน  Baba ทองคำเปลวละลายผสมกับ Rum ไหลเป็นสีทองสวยงาม เมื่อทานทุกอย่างพร้อมๆ กัน จะได้กลิ่น Rum หอมขึ้นจมูก ตามมาด้วยความหวานจากครีมตัดกับรสเปรี้ยวจากผลไม้ ได้รสสัมผัสจากเนื้อเค้กฟองน้ำรสหวานนิดๆ ช่วยตัดรสชาติของคาวให้หมดไป เหมาะทานเป็นเมนูปิดท้าย
image
ถือว่าเป็น Business Lunch Set ที่คุ้มค่าจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น Starter ที่หลากหลาย รวมถึง Main course และของหวานระดับพรีเมี่ยม ราคารวมอยู่ที่ 900++ ต่อคน แต่สำหรับลูกค้าที่ทานน้อยก็สามารถเลือกทานได้ดังนี้ หากทาน Antipasti อย่างเดียว อยู่ที่ 700++ เพิ่มอีก 1 course ไม่ว่าของคาวหรือของหวาน เพิ่มเป็น 850++ แต่ขอแนะนำให้ทานทั้ง 3 อย่างเนื่องจากเพิ่มอีกเพียงเล็กน้อยท่านจะได้ทาน Course ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการ A la carte อีกหลายเมนู
ทางร้านมีโปรโมชั่นร่วมกันบัตรเครดิตจากธนาคาร SCB ได้รับส่วนลดถึง 20% วันนี้รวมค่าอาหารและเครื่องดื่ม ของ Lunch set2 ท่านและอีกหนึ่งเมนูที่สั่งเพิ่ม ทั้งสิ้น 2,232 บาท นับว่าคุ้มค่ามาก ได้สัมผัสรสชาติอาหารอิตาเลี่ยนขนานแท้จุใจ อีกทั้งปริมาณ Starter แบบไม่อั้น นับว่าไม่แพงเลย
image
การเดินทางมาโรงแรมสุโขทัย แนะนำให้ขับรถมาที่ถนนสาทร หากมาจากถนนพระราม 4 เลี้ยวเข้ามาสาทร ตรงไปไม่ไกลนัก โรงแรมจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ถัดจากตึกกรุงเทพประกันภัย เมื่อตรงเข้ามาร้าน La Scala จะอยู่ซ้ายมือสามารถจอดรถชั้นใต้ดินได้เลย และมีบันได ซึ่งเดินขึ้นมาจะพบกับร้านทันที

ข้อมูลทั่วไปของร้าน  La Scala - Sukothai Hotel
Opening Hour:
Lunch    12.00-14.30 น.
Dinner  18.30-23.00 น.
Business Lunch Set บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ 12.00-14.30 น.
Address:
13/3 ถนนสาธรใต้, กรุงเทพ, 10120
Map:

No comments:

Post a Comment