คอบุฟเฟ่ต์หลายคนคงรู้จักห้องอาหาร Taste Restaurant ที่โรงแรม Westin ย่านอโศกเป็นอย่างดี แต่ไม่นานมานี้ห้องอาหารได้มีการเปลี่ยนโฉมและเปลี่ยนชื่อเป็น Seasonal Taste แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่อไหน ความอร่อยและความหลากหลายของอาหารยังคงเดิม วันนี้ EZTABLE จะพาท่านไปพบกับห้องอาหาร Seasonal Taste โฉมใหม่กัน
ห้องอาหาร Seasonal Taste ตั้งอยู่ที่ชั้น 7 ของโรงแรม Westin แยกอโศก ให้ขึ้นลิฟท์จากชั้น G ขึ้นมาที่ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นล็อบบี้ของโรงแรม (ลิฟท์มีปุ่มให้กดแค่ชั้น G กับชั้น 7) พอขึ้นมาถึง ลิฟท์เปิด ก็จะเห็นห้องอาหาร Seasonal Taste อยู่ตรงหน้าพอดี
ห้องอาหารตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มีกระจกใสอยู่รอบร้านเพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาในเวลากลางวันและทำให้เราสามารถมองวิวของถนนสุขุมวิทได้ในเวลากลางคืน
โซนของเคาน์เตอร์ตักอาหารกับที่นั่งถูกแบ่งกันอย่างชัดเจน โดยเคาน์เตอร์ตักอาหารจะอยู่ที่ด้านในของห้องอาหาร ในขณะที่โต๊ะที่นั่งจะอยู่ด้านนอก
มีเกาะกลางซึ่งเป็นเคาน์เตอร์รูปตัว S (จาก คำว่า Seasonal) สำหรับวางอาหารทะเล, สลัดบาร์, และของหวาน
บนโต๊ะอาหารของเรามีมีด,ส้อม, แก้วน้ำ, ผ้าเช็ดปาก และเครื่องปรุงที่ประกอบด้วยพริกไทยและเกลือ
ที่นี่ยังมีดนตรีสดให้เราฟังตลอดทั้งคืน โดยตอนช่วงเย็นๆจะเป็นเพลงเปียโนบรรเลงสบายๆ พอตกดึกจะกลายเป็นวงดนตรีแจ๊สแทน ซึ่งเหมาะกับการผ่อนคลายไปกับอาหารดีๆ วิวสวยๆ และเพลงเพราะๆ
สำหรับเครื่องดื่มที่รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ ที่นี่จะมีน้ำเปล่าคอยเติมให้ที่โต๊ะตลอด และยังมีน้ำส้มกับน้ำมะม่วงให้เราเลือกกดได้ตามใจชอบ
เรามาเริ่มจากอาหารทานง่ายๆกันก่อน ที่นี่มีสลัดบาร์ที่มีผักและเครื่องหลากหลาย อีกทั้งน้ำสลัดรสต่างๆ สามารถเลือกปรุงได้ตามใจชอบ
นอกจากผักแล้วก็ยังมี Smoke Salmon และแฮมต่างๆ ไว้ทานคู่กับผักสลัดอีกด้วย
ยังอยู่ในเคาน์เตอร์เดียวกัน อีกฝั่งหนึ่งมีอาหารทะเลจำนวนมาก มีทั้งกุ้ง, ก้ามปู, หอยแมลงภู่, กุ้งล็อบสเตอร์, และหอยนางรม
และนี่คือซีฟู้ดจานรวมของเราครับ จะเห็นได้ว่าขนาดของหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์นั้นตัวค่อนข้างใหญ่ ส่วนความสดก็สดดีมาก ในขณะที่หอยนางรมนั้นตัวไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่ มีมะนาวผ่าซีก หอมเจียวและน้ำพริกเผาเป็นเครื่องให้ด้วย ส่วนกุ้งล็อบสเตอร์นั้นตัวไม่ใหญ่ แต่สดมากๆ เนื้อนุ่มและแน่น สามารถแกะเนื้อออกจากกระดองได้ง่ายมากๆ เช่นเดียวกับก้ามปู เนื้อขาวอวบแน่น ไม่ต้องใช้ความพยายามมากก็ลอกออกจากเปลือกได้ง่าย
เรายังอยู่ที่อาหารประเภทเนื้อ เราข้ามไปที่เคาน์เตอร์อาหารที่ด้านในของห้องอาหารกันบ้าง ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของห้องอาหารนี่คือเคาน์เตอร์บาร์บีคิว ซึ่งมีเนื้อให้เลือกหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น Beef, Lamb หรืออาหารทะเลก็มีปลากะพง, ปลาอินทรีย์, กุ้งแม่น้ำ, Lobster
วิธีการสั่งคือให้เรานำเอาการ์ดเลขที่โต๊ะซึ่งจะมีวางไว้ให้บนโต๊ะติดมือไปด้วย แล้วไปบอกเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ว่าจะเอาเนื้ออะไรบ้าง เจ้าหน้าที่จะมีกระดาษแผ่นเล็กๆ แล้วก็จะติ๊กว่าสั่งอะไรบ้าง แนบการ์ดเลขที่โต๊ะไปด้วย แล้วเราก็สามารถไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลย ไม่นานเนื้อย่างก็จะถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
และนี่คือหน้าตาของ BBQ ของเราในวันนี้ เราสั่ง Beef, Lamb และ Lobster พนักงานนำมาเสิร์ฟพร้อมมินท์เจลลี่เพื่อทานคู่กับ Lobster ซึ่ง Lobster นี้ก็เหมือนกับ Lobster ในเคาน์เตอร์อาหารทะเล คือ สด นุ่ม และแกะออกจากเปลือกง่ายมาก ส่วน Beef ย่างในระดับ Medium เนื้อค่อนข้างนุ่มและฉุ่มฉ่ำ เนื้อติดมันนิดๆ ในขณะที่เนื้อแกะเองก็เป็น Medium เช่นเดียวกัน แต่ว่าเนื้อแกะติดมันค่อนข้างเยอะ และมีกลิ่นสาปของเนื้อแกะเล็กๆ
เนื้ออีกอย่างที่มีให้ที่นี่ คือ เป็ดย่าง เป็ดย่างนั้นถูกย่างและแร่เป็นชิ้นๆเรียบร้อยแล้ว เราสามารถบอกเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ให้ตักเป็ดย่างให้เราได้
เป็ดย่างถูกเสิร์ฟพร้อมต้นหอมและขิงดอง ราดด้วยน้ำจิ้มสะเต๊ะ เป็ดย่างถูกแร่เป็นชิ้นบางๆ เนื้อไม่ติดมันและไม่เหนียว รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยเลยทีเดียว
เนื้ออีกอย่างที่ถูกทำเรียบร้อยแล้ว คือ Beef Rib eye นำไปทอดกรอบมาก วางอยู่หน้าเคาน์เตอร์พร้อมผักทอดและน้ำจิ้มเกรวี่ เราขอพนักงานให้ตักมาให้เราลองทานดูซักชั้น
เนื้อ Rib eye ชิ้นค่อนข้างใหญ่ เนื้อถูกย่างในระดับ Rare-medium เท่านั้น เนื้อติดมันค่อนข้างมาก และเหนียว เราทานไปได้นิดเดียวก็ยอมแพ้ เพราะว่าเหนียวเกินไป โดยรวมแล้วชอบ Beef ที่เราสั่งย่างไปจานก่อนมากกว่า
อาหารที่ปรุงใหม่อีกอย่างที่มีที่นี่ คือ ต้มยำกุ้ง อาหารขึ้นชื่อของไทย มีเคาน์เตอร์ต้มยำกุ้งอยู่ด้านข้างเป็ดย่าง ก่อนจะทำพนักงานจะถามก่อนว่าชอบรสแบบไหน เปรี้ยว เผ็ด หรือธรรมดา แล้วพนักงานก็จะนำเนื้อปลา, เห็ดฟางและเครื่องต่างๆนำไปต้ม แล้วปรุงน้ำต้มยำ ก่อนนำมาเสิร์ฟในชามให้เรา เราสั่งรสแบบเปรี้ยวไป แต่ที่ปรุงออกมาไม่ได้ปรุงรสจัดมาก ยังขาดความเปรี้ยวที่ต้องการไปค่อนข้างเยอะ
สำหรับ Soup of the day ของวันนี้เป็น Lobster soup อยู่ในหม้อสามารถตักได้ตามที่ต้องการ ทานคู่กับขนมปังชุบไข่ทอด รสของซุป Lobster มีกลิ่น lobster ชัดเจนมาก รสออกเค็มๆ ข้น และ Creamy มากๆ ส่วนขนมปังชุบไข่นั้นทอดกรอบมากปรุงรสออกมาได้กลมกล่อมกำลังดี
มาดูอาหารญี่ปุ่นกันบ้าง เนื่องจากเนื้อที่ของร้านค่อนข้างจำกัด เคาน์เตอร์อาหารญี่ปุ่นนั้นจึงถูกนำไปตั้งไว้ตรงทานเข้าร้านเลย สำหรับอาหารญี่ปุ่นที่นี่ประกอบไปด้วยปลาดิบ ซึงมีปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลากระลง, ปูอัด, และปลาซาบะ
ส่วนซูชิก็มีทั้งแบบ Nigiri sushi หน้าต่างๆ ทั้งปลาแซลมอน, ทูน่า, ซาบะ, และหน้ากุ้ง และแบบ Roll ที่แน่นอนว่าต้องมี California roll
ความพิเศษอีกอย่างของอาหารญี่ปุ่นที่นี่คือมีบะหมี่เย็นด้วย หมี่เย็นถูกวางม้วนอยู่ในถ้วยแล้ว โรยด้วยต้นหอมเล็กน้อย และมีถ้วยสำหรับตักซุปอยู่ด้านข้าง หมี่เย็เส้นนุ่ม กัดขาดง่าย ส่วนซุปมีรสเค็มผสมเปรี้ยวของมิรินเล็กน้อย
เมื่อมีอาหารญี่ปุ่นแล้วก็ต้องมีอาหารจีน ซึ่งอาหารจีนที่นี่คือติ่มซำ ซึ่งมีติ่มซำทั้งหมด 3 แบบ คือขนมจีบ, ซาลาเปา, และปูนึ่งขึ้นช่าย ขนมจีบเป็นขนมจีบกุ้งเนื้อกุ้งชิ้นใหญ่มากๆ ในขณะที่ซาลาเปามีให้เลือกทั้งไส้หมูแดงและไส้ครีม ส่วนปูนึ่งขึ้นช่ายเป็นปูตัวเล็ก นำมานึ่งกับขึ้นช่ายในซึงซึ่งเป็นสูตรแบบจีน สำหรับน้ำจิ้มสำหรับติ่มซำมีให้เลือก 3 อย่าง คือ Sweet Sauce, Sour Sauce และ Chili sauce
ถัดจากอาหารญี่ปุ่นและอาหารจีน ที่นี่ก็มีเคาน์เตอร์อาหารอิตาเลี่ยนด้วย ทีเด็ดของที่นี่คือพิซซ่าซึ่งมีเตาอบขนาดใหญ่โชว์ให้เห็นว่าอบกันสดๆชัดๆเลย ส่วนตัวเลือกพิซซ่าในวันนี้ มีหน้า Hawaiian และ Margarita นอกจากพิซซ่าแล้วก็ยังมีขนมปังหลากหลาย และเส้นพาสต้าที่เราสามารถเลือกซอสและเส้นแล้วให้เชฟปรุงรสให้ตามต้องการได้
นอกจากนี้ยังมีอาหารปรุงสำเร็จมากมาย เรียงอยู่ในหม้อให้ท่านเลือกตักตามใจชอบอีกด้วย
พอทานของคาวเสร็จก็ได้เวลาของหวานแล้ว ของหวานที่นี่มีตัวเลือกค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ที่เห็นเด่นชัดคือ Chocolate Fountain ที่มีทั้งแคนตาลูป, มาร์ชเมลโล่, สัปปะรดให้เลือกดิฟท์กันให้สะใจ
ส่วนเค้กก็มีหลากหลายรสชาติ เช่น Cream cheese cake, Caramel walnut cake, New York Chocolate cake, panna cotta เป็นต้น
สำหรับไอศครีม เคาน์เตอร์จะตั้งอยู่บริเวณนอกร้าน (เนื่องจากพื้นที่ภายในร้านค่อนข้างจำกัดมาก) มีตัวเลือกมากกว่า 10 รส ยกตัวอย่างเช่น Tiramisu, Rum Rasin, Maple Walnut, Crème Brulee, Passion Fruit & Mango, Rasberry & Strawberry Sorbet, Passion Fruit & Mango Sorbet เป็นต้น ประกอบกับ Topping อีกหลากหลายมากมาย อีกจุดที่น่าสนใจคือมีให้เลือกทั้งแบบถ้วยและแบบโคน รสชาติและความอร่อยไม่ต้องพูดถึง เพราะยอดเยี่ยมน่าประทับใจ ปิดท้ายมื้อเย็นของเราได้อย่างสวยงาม
อีกจุดหนึ่งที่น่าชมเชยคือพนักงานแนะนำโปรโมชั่นดีมาก เนื่องจากเราไม่มีบัตรเครดิตที่ร่วมรายการกับห้องอาหาร พนักงานแนะนำให้เราสมัคร SPG เพื่อรับส่วนลด 20% ทันที สำหรับค่าอาหารหลังจากได้รับส่วนลดแล้วตกอยู่ที่ 1,791 บาท net ต่อคน ซึ่งถือว่าโอเคกับความหลากหลายของอาหาร ที่ทั้ง ไทย จีน ญี่ปุ่น ตะวันตก ประกอบกับบรรยากาศดีๆ ของห้องอาหาร ไม่ว่าจะเป็นวิวสวยๆ และดนตรีเพราะๆ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับดินเนอร์บุฟเฟ่ต์มื้อเย็น
สำหรับการเดินทางมาที่ห้องอาหาร Seasonal Taste ถ้าหากท่านโดยสารจากรถไฟฟ้า BTS ให้ลงที่สถานีอโศก แล้วเดิน Sky-walk ย้อนมาทางโรบินสัน ทางเข้าโรงแรม Westin จะอยู่ก่อนถึงทางเข้าห้างโรบินสัน ให้ขึ้นลิฟท์มาชั้น 7 พอออกจากลิฟท์จะเห็นร้านอาหารอยู่ข้างหน้าพอดี
สรุปแล้วแม้ว่าร้านจะปรับเปลี่ยนโฉมหรือเปลี่ยนชื่อไปอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ขาดหายไปคือบรรยากาศดีๆ และอาหารรสเลิศที่จะสร้างความประทับใจให้คุณได้อย่างแน่นอน
ข้อมูลทั่วไปห้องอาหาร Seasonal Taste – Westin
Opening Hour:
Breakfast Buffet 06.00 - 10.30 hrs. Baht 824 net
Weekday Lunch Buffet (Monday - Friday) 12.00 - 14.30 hrs. Baht 1,140 net
Weeknight Grills (Sunday - Thursday) 18.00 - 22.30 hrs. Start from Baht 600 ++
Weekends of Sublime Suppers (Friday - Saturday) 18.00 - 22.30 hrs. Baht 2,290 net
Long and Lazy Saturday Breakfasts 06.00 - 14.30 hrs. Baht 824 net
Family Filled Sunday 12.00 - 14.30 hrs. Baht 2,290 net
Adress:
259 ซอย สุขุมวิท 19 ถนน สุขุมวิท แขวง คลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
Map:
No comments:
Post a Comment