[รีวิว] Fei Ya - Renaissance

  • 0
image
Review by Flash
ถ้าพูดถึงอาหารจีนที่อร่อยถูกปากคนไทยคงต้องยกให้ต้นตำรับอย่างฮ่องกง การต่อชื่อเมนูด้วยคำว่าฮ่องกง เป็นสัญลักษณ์รับประกันความอร่อยได้เป็นอย่างดี เช่น ขนมจีบฮ่องกง หรือโจ๊กฮ่องกง แต่ในวันนี้หากท่านอยากลิ้มลองติ่มซำรสเด็ดอร่อยถูกปากคนไทย ไม่ต้องไปไกลถึงฮ่องกงอีกต่อไป เราขอแนะนำร้าน Fei Ya ที่ให้บริการเสิร์ฟติ่มซำร้อนๆ พร้อมเมนู a la carte อีกมากมายให้ท่านเลือกทาน



image
ร้านอาหาร Fei Ya ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ณ โรงแรม Renaissance  ย่านราชประสงค์ การตกแต่งรวมถึงรายละเอียดต่างๆ ในร้านเป็นแบบสไตล์จีนแท้ๆ ดูมีเอกลักษณ์ชัดเจน และช่วยเสริมบรรยากาศการทานอาหารจีนได้ดี ต้อนรับท่านด้วยประตูไม้แบบจีนร่วมสมัย พร้อมโคมไฟจีนสีแดงที่ประดับประดาไว้อย่างเหมาะสมลงตัว
image
image
บรรยากาศโซนนอกร้านตกแต่งแบบเรียบง่ายและเปิดโล่ง แต่แฝงเอกลักษณ์แบบจีนได้ดี บริเวณโดยรอบประดับด้วยชั้นโชว์งานศิลปะมากมาย และยังมีมุมพักผ่อนสบายๆ ประกอบด้วยม้านั่งไม้แบบยาวเสริมด้วยฉากกั้นลวดลายวิจิตรแบบในวังโบราณผสมผสานกับลายดอกไม้ ดูแล้วเพลินตายิ่งนัก แต่จุดเด่นที่อดสังเกตไม่ได้คือ ลิ้นชักใบใหญ่ขนาบด้วยเก้าอี้โบราณ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นที่แสดงเกียรติบัตรรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ทางร้านได้รับติดต่อกันถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2011-2014 เป็นเครื่องยืนยันในรสชาติอาหารชั้นเยี่ยม
image
เมื่อก้าวเข้าไปด้านในผนังโดยรอบและบรรยากาศร้านที่เน้นโทนสีแดงช่วยให้ท่านสัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรมจีนได้ดี พร้อมกันนี้ยังมีโต๊ะชงชาจีนแบบดั้งเดิมไว้จัดแสดงอุปกรณ์การชงชา ส่วนการจัดวางข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ บนชั้นวาง เช่น ไหดองที่ใช้ผ้าสีแดงเข้มแทนฝา ก็ช่วยเสริมบรรยากาศจีนแบบร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี
image
image
ภายในร้านดูกว้างขวางไม่แออัดเหมือนร้านอาหารจีนทั่วไปที่เราคุ้นเคย มีโต๊ะบริการไว้หลายรูปแบบ เริ่มจากโต๊ะกลมสไตล์จีนแท้ๆ ถูกจัดวางอย่างสร้างสรรค์ด้วยการใช้โซฟาแทนเก้าอี้นั่งครึ่งหนึ่ง จึงเกิดที่ว่างบริเวณรอบๆ โต๊ะเพิ่มขึ้น ทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น พร้อมกันนี้ โซฟาแต่ละครึ่งยังเชื่อมต่อกับโต๊ะข้างๆ ช่วยเพิ่มสีสันให้ร้านไปในตัว อีกทั้งยังมีการเลือกใช้โคมไฟขนาดใหญ่ดูสะดุดตามาประดับอยู่เหนือโต๊ะดูเข้ากันอย่างลงตัว เป็นการตกแต่งที่เน้นประโยชน์ใช้สอยแต่ดูสวยงามยิ่งนัก
image
สำหรับท่านที่ไม่ชอบโต๊ะกลม ทางร้านก็มีโต๊ะสี่เหลี่ยมปกติไว้บริการเช่นกัน โดยจะตั้งไว้ชิดติดผนังมีการตกแต่งด้วยไม้ยาวๆ เรียงเป็นช่องๆ ด้านหลังบุด้วยผ้าสีแดงลายดอกไม้ดูกลมกลืนกัน ให้ความรู้สึกเหมือนหน้าต่างของจีนสมัยก่อน อีกทั้งด้านข้างของแต่ละโต๊ะยังมีการประดับเล็กๆ น้อยๆ ด้วยโคมไฟแก้วสมัยใหม่ แต่ดูแล้วกลับไม่รู้สึกสะดุดตาแต่อย่างใด บรรยากาศแบบโล่งๆ ไม่แออัดหรือวุ่นวาย ช่างเหมาะแก่การเริ่มต้นทานอาหารจีนในวันสบายๆ เสียจริง
image
ถึงเวลาที่รอคอย เรามาเริ่มสั่งอาหารกันเลย ก่อนอื่นเริ่มจากเครื่องดื่ม มีบริการทั้งชาจีนและเก็กฮวย แบบร้อนและเย็นให้เลือกได้ตามชอบ วันนี้เลือกสั่งเก๊กฮวยเย็น รสชาติหวานกำลังดี มีกลิ่นหอมนิดๆ ให้ความรู้สึกสดชื่น ต่อมา หากชื่อว่าอาหารจีนแล้ว น้ำจิ้มเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการเติมเต็มรสชาติต่างๆ อาหารแต่ละอย่างจะทานคู่กับซอสที่ต่างกันออกไป โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบทานรสจัด จึงขอต้นหอม มัสตาร์ด และ ซอสแดงเพิ่ม เพื่อใช้ทานแกล้มและตัดรสชาติเลี่ยนของอาหารจีน ใครจะลองทานดูบ้างก็ไม่ว่ากันนะครับ
image
image
เริ่มจาก Starter อย่างแรก เมนูแนะนำของทางร้าน เห็ดหอมทอดกรอบราดซอสงามายองเนส เห็ดหอมหั่นมาในชิ้นพอดีคำ นำไปชุบแป้งทอดจนเหลืองกรอบดูน่าทาน เมื่อกัดดูพบว่าแป้งด้านนอกบางและทอดได้กรอบมาก แต่เนื้อเห็ดด้านในกลับนุ่ม ได้รสชาติหวานและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเห็ดหอม เพิ่มรสชาติด้วยมายองเนสรสหวานสไตล์จีน ราดมาเล็กน้อยกำลังดีไม่ชุ่มเกินไปจนกลบรสของเห็ดหอม สุดท้ายโรยด้วยงาขาวเพิ่มความหอม เป็นเมนูที่แปลกใหม่และหาทานที่อื่นไม่ได้จริงๆ
image
image
ต่อมาเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยจากติ่มซำที่มีให้เลือกมากมาย บอกได้ว่าเลยสามารถสั่งทานเป็นเมนูหลักได้ เนื่องจากติ่มซำแต่ละจานเนื้อแน่น ใส่ไส้มาเต็มที่เรียกว่า กุ้งเป็นกุ้ง ปูเป็นปู เน้นๆ ไม่มีหวงกันเลยทีเดียว เราไปดูกันว่าติ่มซำของทางร้านจะน่าทานขนาดไหน
image
เริ่มจากเมนูยอดฮิตอย่าง ฮะเก๋าลูกโต แป้งบางๆ สีขาวๆขุ่น แต่สามารถมองเห็นเครื่องด้านใน เป็นเครื่องยืนยันในความบางของแป้งได้ดี เนื้อกุ้งเน้นๆ เต็มคำ ชิ้นใหญ่สะใจ เนื้อกุ้งกรอบเด้ง รสชาติไม่แพ้ทานที่ฮ่องกงอย่างแน่นอน เสริมรสชาติด้วยจิ๊กโฉ่วรสเปรี้ยวเพื่อดึงความหวานของกุ้งออกมา
image
ต่อกันด้วยของนึ่ง เป็นอีกเมนูที่ขาดไม่ได้นั่นคือ ขนมจีบหมูไข่กุ้ง แป้งสีเหลืองหอมไข่ไก่ ห่อไส้ในด้วยหมูสับนึ่งรสหวาน เนื้อนุ่มชุ่มไปด้วยน้ำซุปที่ไหลออกมาจากการนึ่ง สลับกับรสสัมผัสที่กรอบเด้งของกุ้งที่ผสมลงไปเล็กน้อย โรยหน้าตกแต่งด้วยไข่กุ้งเม็ดโต
image
image
สำหรับขนมจีบชื่อดังของร้าน ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ อีกหนึ่งเมนูแนะนำคือ ขนมจีบปูไข่นกกระทา เป็นขนมจีบลูกใหญ่ ไส้ในทำจากเนื้อปูผสมหมูสับ ได้รสชาติจากทั้งเนื้อปูและหมู บวกกับเนื้อกุ้ง สุดท้ายเพิ่มรสชาติให้มันยิ่งขึ้นด้วยไข่นกกระทา ซึ่งเป็นตัวผสานรสชาติจากเนื้อทั้ง 3 ทำให้ขนมจีบลูกนี้เป็น Trio ที่มีรสชาติลงตัว ติ่มซำของทางร้านชิ้นใหญ่จริงๆ และไส้ข้างในก็มีลักษณะคล้ายกัน หากใครเป็นคนทานน้อยและต้องเลือกสั่ง อยากขอแนะนำเมนูนี้เป็นพิเศษ เพราะจะได้รสชาติที่ครบครันจากเนื้อทั้ง 3 แบบเลยทีเดียว
image
และของนึ่งอย่างสุดท้ายของวันนี้ อีกหนึ่งเมนูที่พลาดไม่ได้ของร้าน ปลาเก๋านึ่งวุ้นเส้นไชโป้วกระเทียมเจียว ปลาเก๋าสดๆ นำมาพันด้วยวุ้นเส้น แล้วนำไปนึ่งด้วยซีอิ้วสไตล์จีน การนึ่ง ถือเป็นวิธีการปรุงที่จะดึงความสดของปลาได้มากที่สุด จึงเหมาะเป็นอย่างมากกับปลาเก๋าสดๆ เช่นนี้ เนื้อปลารสชาติหวานบวกกับวุ้นเส้นเหนียวนุ่มกำลังดี ซีอิ้วไม่เค็มเกินไป ได้กลิ่นหอมของกระเทียมเจียว และเติมเต็มรสชาติด้วยไชโป้วหวานๆ กรอบๆ ที่มาช่วยตัดความเค็มของซีอิ้ว
image
image
ติ่มซำที่ครบสูตรต้องมีของทอดด้วยอย่างแน่นอน เมนูแรกเป็นเมนูที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองให้ได้กับ ปอเปี๊ยะทอดสอดไส้กุ้งและมะม่วงสุก แป้งด้านนอกทอดจนเหลืองกรอบ ไส้ในเป็นกุ้งสับไม่ละเอียด สัมผัสของเนื้อกุ้งที่ได้ยังคงเด้งและกรุบกรอบ แซมด้วยรสชาติหวานหอมจากมะม่วงสุก แทบจะไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มบ๊วยเพิ่มความหวานเสียด้วยซ้ำ ความเข้ากันอย่างลงตัวของกุ้งและมะม่วงสุก ทำให้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ประทับใจมาก ทั้งที่ใช้วัตถุดิบเพียงแค่ 2 อย่าง แต่กลับสร้างสรรค์รสชาติได้อย่างน่าทึ่ง
image
image
มาต่อกันด้วยของทอดลือชื่ออีกอย่างของทางร้าน ฟองเต้าหู้ทอดสอดไส้กุ้ง การใช้ฟองเต้าหู้แทนแป้งจะให้รสชาติที่ต่างไปอีกแบบ เนื่องจากฟองเต้าหู้เวลาทอดจนกรอบจะได้รสสัมผัสที่กรอบจนบรรยายไม่ถูกแต่มีความนุ่มอยู่ที่แกนกลาง พร้อมกับกลิ่นหอมถั่วเหลืองจางๆ ทานคู่กับไส้กุ้งเน้นๆ เต็มคำ และพิเศษไปกว่านั้น มีการผสมต้นหอมลงไปในไส้เพิ่มกลิ่นที่น่าหลงใหล ยิ่งทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยรสหวาน ช่วยดึงความอร่อยของของทอดออกมาได้อย่างเต็มที่
image
image
เมนูติ่มซำสุดท้าย พายหมูแดง เรียกว่าถอดแบบมาจากต้นตำรับจริงๆ หมูแดงรสชาติเข้มข้นกว่าปกติเหมาะแก่การทานคู่กับแป้งพายหลายๆ ชั้นเนื้อร่วน ขนาดไม่ใหญ่มากนัก เข้ากันอย่างพอเหมาะ
image
ตามที่ได้กล่าวไปร้านนี้ไม่ได้มีทีเด็ดอยู่ที่ติ่มซาเท่านั้น เรามาเริ่มเมนู a la carte กันเลย กับเมนู ซี่โครงหมูทอดซอสน้ำผึ้ง เนื้อส่วนติดกระดูกอย่างซี่โครงหั่นให้เป็นชิ้นหนาๆ นำมาหมักและทอดอย่างดีด้วยซอสน้ำผึ้ง ความหวานของเนื้อติดซี่โครงทำให้รสชาติออกหวานกลมกล่อม เนื้อหมูไม่นุ่มมากนัก ออกหนึบๆ เล็กน้อย ทอดออกมากำลังดีไม่เกรียมไม่ไหม้ เหมาะทานคู่กับข้าวยิ่งนัก ได้รสชาติสไตล์อาหารจีนแท้ๆ
image
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงสั่ง เมนูของคาวสุดท้ายของวัน กับเมนูขึ้นชื่อของอาหารจีนอย่าง ข้าวผัดกุ้งและหอยเชลล์ซอส XO ข้าวผัดเม็ดเรียวยาวสีสันจัดจ้านดูน่าทาน ทางร้านเลือกใช้ข้าวเก่าในการผัดเพื่อให้ได้ข้าวผัดแห้งๆ ร่วนซุยตามแบบฉบับจีนแท้ๆ ไข่เคลือบทั่วเมล็ดข้าว หอมกลิ่นเกรียมนิดๆ ใส่เครื่องตัวหลักๆ คือ กุ้งและหอยเชลล์ อีกทั้งยังใส่ คะน้า หั่นชิ้นเล็กๆ เพื่อตัดรสเลี่ยน แถมยังให้ความกรอบเวลาเคี้ยวไปในตัว นำมาผัดกับซอส XO ที่เข้มข้นได้รสชาติที่ล้ำลึก สุดท้ายโรยด้วยข้าวทอดแปลกใหม่ไม่เหมือนใครจริงๆ หากใครที่ไม่ชอบทานซอส XO แนะนำให้ลองสั่งข้าวผัดหยางโจวของทางร้านแทน เพราะขนาดใส่ซอส XO เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้น เชฟก็ยังผัดได้แห้งและร่วนกำลังดี เมนูข้าวผัดอื่นๆ ที่ไม่ต้องใส่ซอสก็คงจะผัดได้เยี่ยมยอดเช่นกัน
image
ปิดท้ายกันด้วยเมนูของหวานเช่นเคยเริ่มจาก พุดดิ้งมะม่วงและไอศกรีมมะพร้าวหน้าส้มโอและลิ้นจี่ เมนูสุดฮิตจากประเทศฮ่องกง ทางร้านเพิ่มความอร่อยโดยการเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมมะพร้าวหอมๆ เนื้อพุดดิ้งเนียนนุ่ม หวานหอมมะม่วงสุก เข้ากันได้ดีกับรสชาติมะพร้าว ตัดรสหวานด้วยความเปรี้ยวจากผลไม้ทั้งสองอย่าง ได้แก่ ส้มโอ และ ลิ้นจี่ โดยรวมเป็นของหวานจากผลไม้ทั้งสี่ที่มีรสชาติต่างกัน แต่สามารถรังสรรค์ให้ออกมาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่วันนี้อาจเป็นเพราะไม่ใช่ฤดูของส้มโอจึงทำให้ส้มโอไม่หวานเท่าที่ควร
image
ของหวานรสเปรี้ยว ล้างปากปิดท้ายของวันนี้ นับเป็นอีกหนึ่ง เป็นเมนูที่หาทานที่อื่นไม่ได้จริงๆ กับเมนู เยลลี่ตะไคร้วุ้นว่านหางจระเข้ซอสมะนาว เมื่อพนักงานยกมาเสิร์ฟ เยลลี่ตะไคร้และวุ้นว่านหางจระเข้จะแยกกันเป็นชั้น พนักงานจะแนะนำให้คนก่อนทาน เพื่อให้เยลลี่เย็นๆ รสหวานเล็กน้อยแต่หอมกลิ่นตะไคร้ผสมกับวุ้นนุ่มลื่นได้รสหวานและความสดชื่นจากว่านหางจระเข้ เสริมด้วยรสหวานหอมของตะไคร้ทุกคำทานคล่องคอ เพิ่มรสเปรี้ยวสดชื่นด้วยซอสมะนาว คำแรกที่ทานจะรู้สึกเปรี้ยวนำเด่นชัด แต่ทานต่อไปจะรู้สึกหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ให้ความรู้สึก อดเปรี้ยวไว้กินหวานได้เป็นอย่างดี หลังจากทานเสร็จจะรู้สึกสดชื่นมาก
นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการ Dim Sum all you can eat อีกด้วยซึ่งท่านจะสามารถสั่งติ่มซำได้ไม่อั้นและเลือกสั่งเมนูเพิ่มเติมอย่าง ซุป ข้าวผัด และ อาหารประเภทเส้นตามที่ร้านกำหนดได้อีกด้วย ในราคาเพียงท่านละ 788บาท++ ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ และ 899บาท++ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ ราคาดังกล่าวรวมเครื่องดื่มชา-เก๊กฮวยแล้ว
ค่าอาหาร-เครื่องดื่มวันนี้รวมทั้งสิ้น 2,966 บาท ถือว่าคุ้มค่ามาก เนื่องจากอาหารรสชาติอร่อยราวกับได้ไปทานที่ฮ่องกง ปริมาณที่ให้มาก็ทานได้อย่างจุใจ อีกทั้งเมนูอาหารที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำกับที่อื่น หาทานได้จากร้านนี้เท่านั้นจริงๆ นอกจากที่ได้นำเสนอไปยังมีอีกหลายเมนูที่ชื่อฟังดูแปลกหูแต่ดูน่าทานเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เมนูแนะนำอีกอย่างที่ทางร้านจะถามทุกครั้งหากโทรไปจองโต๊ะ คือ เป็ดปักกิ่ง เมื่อทานหนังเป็ดย่างกรอบๆ เสร็จแล้วจะสามารถเลือกนำเนื้อไปปรุงเป็นเมนูต่างๆ ได้ แอบสังเกตเห็นว่าสั่งกันเกือบทุกโต๊ะ แต่เนื่องจากไปกันน้อยคนคงจะทานไม่หมดแน่ จึงรู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้ทาน หากมีโอกาสต้องกลับมาลองทานเมนูเหล่านี้อย่างแน่นอน
และพิเศษสุดๆ สำหรับลูกค้าที่ถือบัตรสมาชิกของเครือ Marriott สามารถรับส่วนลดสูงสุดถึง 50% เมื่อมาทานอาหาร 2 ท่าน หรือจ่ายด้วยบัตรเครดิตของ SCB เพื่อรับส่วนลด 10%
image
สำหรับการเดินทางมายังโรงแรม Renaissance หากขับรถมาทางสุขุมวิทมุ่งหน้าเข้าสยาม โรงแรมจะอยู่เลยโรงเรียนมาแตร์ เดอี มาเล็กน้อยด้านซ้ายมือ แต่ขอแนะนำให้นั่ง BTS มาลงที่สถานีชิดลมทางออก 2 ก่อนลงบันไดท่านจะเห็นป้ายชื่อโรงแรมและตัวตึกอย่างชัดเจน

ข้อมูลทั่วไปห้องอาหาร Fei Ya โรงแรม Renaissance
Opening Hour:
มื้อกลางวัน        11.30 – 14.30น.
มื้อเย็น             18.00 – 22.30น.
Address:
518/8 ถนนเพลินจิต, กรุงเทพ 10330
Map:

No comments:

Post a Comment