[รีวิว] Orchid Café – Sheraton Grande Sukhumvit บุฟเฟ่ต์อาหารทะเลระดับพรีเมี่ยม

  • 0

หากคุณกำลังมองหาบุฟเฟ่ต์หรูๆในโรงแรมแถวแยกอโศก สำหรับเลี้ยงลูกค้า หรือสังสรรค์กับเพื่อนหลังเลิกงาน ร้าน Orchid Café เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ด้วยบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลสุดหรูทุกเย็นวันศุกร์เสาร์ คุณจะพบกับอาหารทะเลคุณภาพเยี่ยมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหอยนางรมขนาดใหญ่ และกุ้งล็อปสเตอร์
image

ร้าน Orchid Café ตั้งอยู่ในชั้นสองของโรงแรม Sheraton Grande Sukhumvit ภายในร้านตกแต่งในสไตล์ไทยคลาสสิค คร่าวๆน่าจะรองรับลูกค้าได้ประมาณ 100 ราย บริเวณทางเข้าร้านมีรูปปั้นนางฟ้าในวรรณคดียืนพนมมือต้อนรับอยู่
image
บรรยากาศในร้านดูโอ่โถง และสว่างด้วยแสงที่ลอดผ่านกระจกบานใหญ่รอบร้าน มองออกไปด้านนอกจะเห็นวิวถนนสุขุมวิท รวมถึงผู้คนที่สันจรผ่านไปมาบน skywalk และรถไฟฟ้าที่วิ่งอยู่ข้างบนได้อย่างชัดเจน
image
บริเวณกลางร้าน มีเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่สำหรับอาหารที่ปรุงเสร็จพร้อมทานมากมาย รวมถึงสลัดบาร์ และของหวานนาๆชนิด ด้านหลังมีเคาน์เตอร์อาหารญี่ปุ่น, เคาน์เตอร์ BBQ, เคาน์เตอร์สุกี้, และเคาน์เตอร์ซีฟู้ดอยู่ด้านข้าง
image
เมื่อเข้ามาถึงโต๊ะเรียบร้อย พนักงานจะเข้ามาถามว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรดี  เฉพาะน้ำเปล่าเท่านั้นที่รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ ส่วนเครื่องดื่มชนิดอื่นจะต้องสั่งแยกต่างหาก
และเมื่อพร้อมแล้ว ก็เริ่มลงมือกันได้เลย!
image
เริ่มจากไฮไลท์ของที่นี่ก่อน นั่นก็คือ ซีฟู้ดนั่นเอง อาหารทะเลหลากหลายมากมายมีให้เลือกสรรที่นี่ เทียบกับบุฟเฟ่ต์ในระดับเดียวกัน ความหลากหลายของซีฟู้ดที่นี่มีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เช่น หอยนางรม กุ้งล็อบสเตอร์ เป็นต้น อาหารทะเลที่นี่ถูกวางเรียงบนน้ำแข็งเพื่อรักษาสภาพความสดเป็นอย่างดี
image
นอกจากจะหลากหลาย แล้วขนาดของหอยนางรมและกุ้งล๊อบสเตอร์ที่นี่ยังใหญ่อีกด้วย ดังที่เห็นในจานด้านล่าง
image
แค่ขนาดของกุ้งครึ่งตัวก็เกือบเต็มจานแล้ว สำหรับใครที่ชอบทานหอยนางรมสดๆ คู่กับหอมเจียว ที่นี่ก็มีหอมเจียวให้ตักได้ไม่อั้นเช่นเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีน้ำพริกเผาให้ แต่ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือบีบน้ำมะนาวเพิ่มก็ทำให้อาหารทะเลจานนี้ได้รสชาดเพิ่มขึ้นมาก ต้องยอมรับว่าหอยนางรมที่นี่สดจริงๆ ไม่มีกลิ่นคาวและลื่นคอ ขณะที่กุ้งล็อบสเตอร์นั้นเนื้อละเอียดและแน่น ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดทำให้เพิ่มรสชาดได้มาก
image
นอกจากหอยนางรมกับล๊อบสเตอร์ ใครที่เพลิดเลินกับการแกะอาหารทะเล ยังมีกุ้ง และก้ามปูอีกด้วย นอกจากนั้นด้านข้างยังมีไข้กุ้งหากหลายสีให้เลือกทานอีกต่างหาก
ถัดมา อีกเคาน์เตอร์ที่น่าสนใจของที่นี่คือ เคาน์เตอร์สุกี้
image
ไม่ค่อยพบได้ง่ายนักที่จะมีเคาน์เตอร์ทำสุกี้สดๆให้ได้ทาน แน่นอนว่าคุณสามารถเลือกชนิดของเนื้อที่จะทาน ชนิดของผักได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานสุกี้แต่ไม่ชอบผักบางชนิด หรือแม้แต่คนที่ทานมังสวิรัติก็สามารถเลือกไม่เอาเนื้อได้ สำหรับชาวต่างชาติที่อยากลองสุกี้แบบไทยๆ แต่กลัวเผ็ด ก็สามารถบอกระดับความเผ็ดที่ต้องการได้
image
นี่คือรูปร่างหน้าตาของสุกี้เมื่อเสร็จแล้ว จะเห็นได้ว่าที่นี่ให้ไข่ค่อนข้างมากกว่าที่อื่น และเนื้อก็ยังชิ้นใหญ่อีกต่างหาก ใครที่ชอบรดจัดจ้านก็สามารถเลือกปรุงได้ตามต้องการเช่นกัน
ถัดต่อมาอีกไฮไลท์ของที่นี่คือ เคาน์เตอร์บาร์บีคิว
image
ที่นี่มีเนื้อ 4 ประเภทให้เลือก ได้แก่ เนื้อวัว, เนื้อแกะ, แซลมอน, และกุ้งล็อปสเตอร์  คุณสามารถเลือกเนื้อที่ต้องการ และเชฟจะทำการย่างให้ คุณไม่ต้องยืนรอ สามารถกลับไปรอที่โต๊ะได้ แล้วพนักงานจะนำเนื้อสเต็กที่ปรุงเสร็จเรียบร้อยมาเสิร์ฟให้คุณถึงที่
image
รอบนี้เราลองสั่งสเต็กเนื้อแกะกับกุ้งล๊อปสเตอร์ พนักงานนำมาเสิร์ฟให้ถึงที่ แต่ต้องระวังเล็กน้อยเพราะจานค่อนข้างจะร้อน กุ้งล๊อปสเตอร์และเนื้อแกะถูกเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและเจลลี่ ซึ่งเป็นเจลลี่สูตรพิเศษของทางร้าน สเต็กเนื้อแกะนั้นไม่เหนียวมาก เนื้อค่อนข้างแน่นและไม่เค็มจนเกินไป แต่กุ้งล๊อปสเตอร์นั้นเปลือกค่อนข้างจะแข็ง ที่น่าสนใจคือเมื่อแกะเปลือกออก จะพบว่าเนื้อด้านในนั้นไม่แห้ง แถมชุ่มฉ่ำมาก ส่วนเจลลี่ที่ให้มานั้นไม่ได้หวานจนเกินไป แต่ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดน่าจะถูกใจคนที่ชอบรดจัดมากกว่า
image
สำหรับคนที่ชอบฟัวกราส์ เรามีเคล็ดลับมาฝากคุณ!  เพราะว่าคุณอาจจะไม่เห็นฟัวกราส์ตั้งโชว์อยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์บีคิวนี้ แต่คุณสามารถสั่งฟัวกราส์จากเชฟได้ ฟัวกราส์จะถูกนำมาย่างแบบสเต็ก พร้อมเสิร์ฟบนขนมบังชิ้นเล็กๆ ราดซอสสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของสตอเบอร์รี่เพื่อดับความคาวของฟัวกราส์ แนะนำว่าควรทานฟัวกราส์คู่กับขนมปัง เพราะขนมปังจะช่วยดูดซับซอสได้ดี รสเปรี้ยวของซอสค่อนข้างจะเด่น อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบรสเปรี้ยวจัด แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นอีกเมนูที่ห้ามพลาดของที่นี่
image
ไม่เพียงแค่เนื้อเท่านั้น ที่เคาน์เตอร์นี้ยังมีกุ้งเทมปุระทอดสดๆ ให้ทานอีกด้วย  กุ้งเทมปุระถูกบรรจงทอดทีละชิ้นๆ ก่อนจะนำมาวางบนตระแกงเพื่อสเด็ดน้ำมัน  ส่วนน้ำจิ้ม คุณก็สามารถเลือกผสมเองได้เช่นเดียวกัน พอพูดถึงกุ้งเทมปุระแล้ว ก็ไปกันต่อที่เคาน์เตอร์อาหารญี่ปุ่นเลย
image
ที่เคาน์เตอร์อาหารญี่ปุ่น มีซาชิมิสดๆ และซูชิมากมายให้คุณได้เลือก ที่นี่มีทั้งแซลมอน ทูน่า แมคคาเรล ฮิราเมะ ปลาหมึก และปูอัดให้เลือก เช่นเดียวกับซูชิหน้าต่างๆ ส่วนคนที่อยากได้เทมากิ หรือเมนูพิเศษ ก็สามารถสั่งเพิ่มจากเชฟที่ประจำที่เคาน์เตอร์ได้เช่นกัน  สำหรับความสดนั้น ต้องบอกว่าซาชิมิที่นี่สดจริงๆ โดยรวมแล้วคนที่ชอบอาหารญี่ปุ่นและปลาดิบจะไม่ผิดหวังแน่นอน
image
image
แต่ถ้าหากคุณมองหาอาหารไทย ที่นี่ก็มีอาหารไทยที่ปรุงสำเร็จมากมาย ทั้งของยำ และของทอด ส่วนใครกังวลว่ารดชาดจะเผ็ดเกินไปสำหรับชาวต่างชาติ อาหารไทยที่นี่ถูกปรุงด้วยรสกลางๆ คนไทยกินได้ชาวต่างชาติกินดี คนที่ชอบรดจัดสามารถจิ้มน้ำจิ้มเพื่อเพิ่มรสชาดได้
image
image
สำหรับคนที่ห่วงสุขภาพ หรือกำลังไดเอต ที่นี่ยังมีสลัดบาร์ให้เลือกทานผักที่ต้องการ แถมยังมีสโม๊คแซลมอนให้คุณทานคู่กับสลัดอีกด้วย
image
หลังจากเต็มอิ่มกับของคาวแล้ว เราจะพาคุณไปต่อที่ของหวาน เมนูที่เราแนะนำของที่นี่คือ ข้าวเหนียวมะม่วง
image
มะม่วงสุกหวานหอม เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวและน้ำกะทิ เหมาะอย่างยิ่งในฤดูร้อนเช่นนี้ สำหรับคนที่พาเพื่อนชาวต่างชาติมาทานด้วย อย่าพลาดที่จะให้เพื่อนของคุณลิ้มลองของหวานขึ้นของไทยเมนูนี้  นอกจากนี้ยังมีของหวานอื่นๆเช่น เค้ก ไอศกรีมรสต่างๆ
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดคือ 1,825 บาทต่อคน ถือว่าคุ้มสำหรับคุณภาพและความหลากหลายของอาหารที่นี่  สำหรับคนที่อยากมาทานบุฟเฟ่ต์ที่ Orchid Café ทางร้านจะจัดบุฟเฟ่ต์เฉพาะมื้อเย็น เวลา 18.00น. – 22.30น. วันศุกร์และเสาร์เท่านั้น สำหรับวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดีจะเป็นมินิบุฟเฟ่ต์  ส่วนมื้อกลางวันจะเป็น A la carte
สำหรับการเดินทางมายังร้านอาหารนั้น หากสะดวกที่จะใช้รถไฟฟ้าหรือรถใต้ดิน เราแนะนำให้ลงที่สถานีอโศกหรือสุขุมวิท แล้วเดินขึ้นมาบน skywalk เลยมาทาง Terminal 21 โรงแรมเชอราตันจะอยู่ทางซ้ายมือ ฝั่งตรงกันข้ามโรบินสัน ท่านสามารถเดินเข้ามายังโรงแรมทางทางเชื่อมของโรงแรมกับ Skywalk ได้โดยตรง


ข้อมูลทั่วไปร้าน Orchid Cafe - Sheraton Grand Sukhumvit

เวลาทำการ:
  บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า: 5.30 – 10.30 น.  (750 บาท สำหรับผู้ใหญ่, 430 บาท สำหรับเด็ก)
  มื้อกลางวัน: 12.00-15.00 น.
  บุฟเฟ่ต์อาหารเย็น: 18.00 - 22.30 น.
     ○   Mini-buffet วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี (980 บาท ไม่รวม VAT)
     ○  Seafood buffet วันศุกร์และวันเสาร์ (1,690 บาท ไม่รวม VAT)
ที่อยู่:
   โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท, 250 ถนนสุขุมวิท, กรุงเทพมหานคร 10110


No comments:

Post a Comment