
ดินเนอร์สุดหรูบนดาดฟ้าโรงแรมใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่สามารถมองเห็นวิวกรุงเทพยามค่ำคืนแบบ 360 องศา คงเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน ร้านอาหารดาดฟ้าที่ขึ้นชื่อในกรุงเทพมหานครมีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Sirocco โรงแรม Lebua @ State Tower หรือ Vertigo and Moon bar ของโรงแรม Bayan Tree แต่มีอีกห้องอาหารดาดฟ้าอีกแห่งหนึ่งที่โด่งดังไม่แพ้กัน และตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร นั่นคือ Red Sky ของโรงแรม Centara Grand

โรงแรม Red Sky ตั้งอยู่ชั้น 55 ของโรงแรม Centara Grand at Central World (อันที่จริงมีห้องอาหาร Blue Sky อยู่ที่ Centara Grand at Central Lat Phrao) วิธีการมาถึงห้องอาหารจะต้องขึ้นมาที่ล็อบบี้ของโรงแรมซึ่งอยู่ที่ชั้น 23 จากนั้นต้องขึ้นลิฟท์อีกตัวหนึ่งเพื่อไปชั้น 55 ซึ่งลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์สำหรับแขกที่เข้าพักในโรงแรมหรือคนที่จะเข้ามาทานอาหารที่โรงแรมเท่านั้น เวลากดลิฟท์จะต้องใช้ Key Card ซึ่งคนที่จะมาทานอาหารจะต้องบอกให้พนักงานที่เฝ้าลิฟท์กดและเสียบ Key Card ให้ จากนั้นก็จะสามารถมาถึงชั้น 55 ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร Red Sky

เมื่อขึ้นมาถึงก็จะเห็นห้องอาหารอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของลิฟท์ ด้านหนึ่งจะเป็นห้องส่วนตัวซึ่งผนังเป็นกระจกทั้งหมด สามารถมองเห็นวิวฝั่งราชประสงค์ตลอดไปถึงพระราม 1 ส่วนอีกด้านก็จะเป็นโต๊ะปกติ ซึ่งมีทั้งที่นั่งด้านนอกและด้านใน

ที่นั่งด้านในห้องแอร์ มีโต๊ะไม่มากนัก โต๊ะทุกตัววางเรียงไว้ติดกระจก เพื่อให้แม้นั่งอยู่ด้านใน แต่ก็ยังสามารถเห็นวิวของกรุงเทพได้

ออกมาด้านนอกจะเป็นโดมโค้งอันใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของห้องอาหารแห่งนี้ ที่นั่งด้านนอกนั้นแบ่งออกเป็นสองชั้นด้วยกัน ด้านล่างจะเป็นโต๊ะอาหารสำหรับแขกที่จะมารับประทานอาหาร รองรับลูกค้าได้ประมาณ 100 ที่นั่ง

ส่วนด้านบนจะเป็นเก้าอี้นั่งชิว ที่เรียงเป็นวงกลม หันหน้าออกด้านนอก และมีโต๊ะตัวเล็กๆ อยู่กับทุกเก้าอี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งเครื่องดื่มขณะชมวิวรอบทิศทาง เหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งใจจะมานั่งชิวชมวิวยามค่ำคืนอย่างเดียว แต่แค่ประมาณ 6 โมงเย็น ที่นั่งบริเวณนี้ก็ถูกจับจองกันเกือบหมดแล้ว ซึ่งจากการสังเกต ลูกค้าที่มานั่งบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ

กลับลงมาที่บริเวณโต๊ะด้านนอกซึ่งจะเป็นที่รับประทานอาหารของเราในเย็นนี้ บริเวณโต๊ะด้านนอกค่อนข้างกว้าง โต๊ะเก้าอี้ตัวใหญ่ ไม่เบียดเสียดอัตคัด มีเก้าอี้เป็นเก้าอี้หวายทาสีดำ มีเบาะและหมอนรองนั่งอย่างสบาย

บนโต๊ะจะมีแก้วไวน์และแก้วน้ำ จานเล็กๆ ส้อมและมีดอย่างละสองคู่ พร้อมทั้งผ้าเช็ดปากสำหรับแต่ละคน

และนี่คือโต๊ะของเราในวันนี้ครับ เป็นโต๊ะสำหรับสองที่นั่ง ตั้งอยู่ติดริมกระจก สามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฝั่งราชประสงค์ได้อย่างชัดเจน

ลืมบอกไปว่าด้านบนมีวงดนตรีแจ๊สเล่นดนตรีสดให้ฟังสลับกับเปิดแผ่นเป็นบางช่วง

เมื่อมาถึงโต๊ะ พนักงานก็จะนำเอาเมนูเครื่องดื่มมาให้เลือก ซึ่งมีทั้งไวน์ต่างๆ ทั้งเป็นขวดหรือจะเลือกรับเป็นแก้วก็ได้ มีค็อกเทลล์ต่างๆ รวมถึงเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น วิสกี้, เบียร์, ม็อคเทลล์ เป็นต้น

ส่วนตัวไม่ใช่คอไวน์ เลยไม่ได้สั่งไวน์มา สำหรับน้ำเปล่า จะเป็นยี่ห้อ Acqua Panna เท่านั้น เลือกได้ว่าจะรับเป็นแบบ Still หรือ Sparkling

และก็มาถึงเมนูอาหารของเราในวันนี้กัน โดยอาหารจะแบ่งออกเป็น Warm Starters, Cold Starters, Soup, Fish&Seafood, Meat, Share และ Side Dish ราคาของอาหารที่นี่ถือว่าโหดเอาการ โดย Starter ราคาจะตกอยู่ประมาณ 700-900 บาทต่อจาน ส่วน Main Course จะตกอยู่ที่ 1,700 – 2,000 บาทต่อจาน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเมนูพิเศษถึงเป็น Seasonal Tasting Menu เป็นเซตเมนูอาหารซึ่งประกอบไปด้วยอาหาร 3 อย่าง(ส่วนใหญ่จะเป็น Vegeterian) ของหวานและชากาแฟ ซึ่ง Seasonal Tasting นี้จะเปลี่ยนไปทุกๆเดือน เซตนี้ตกราคาสามพันกว่าบาท มีโปรโมชั่นถ้ารวมไวน์ด้วยจะตกอยู่ประมาณ 4,500 บาทต่อเซต

หลังจากสั่งอาหารไปได้ไม่นาน พนักงานก็นำเอาขนมปังกับเนยมาให้ เป็นขนมปัง 3 แบบ อบจนกรอบ สามารถทานเล่นรออาหารจานหลักหรือรอเก็บไว้ทานคู่กับอาหารก็ได้

ระหว่างรออาหาร แดดร่มลมตก อากาศกำลังเย็นสบาย เราเลยฉวยโอกาสนี้เก็บภาพบรรยากาศของร้านเพิ่มเติมให้ทุกท่านได้รับชม

อย่างที่บอกว่าที่นี่เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา ทำให้เราสามารถเห็นไว้ได้ตั้งฝั่งประตูน้ำ เพชรบุรี ราชเทวี พระราม 1 ราชประสงค์ ยาวไปจนถึงสุขุมวิท ซึ่งมองจากจุดนี้ มีเพียงแค่ตึกใบหยก 2 เท่านั้นซึ่งสูงกว่าที่นี่

พอเริ่มสลัวๆ ทางร้านก็เริ่มเปิดไฟ รวมถึงจุดไฟตามโต๊ะด้วย

สักพักใหญ่ อาหารจานแรกของเราก็มาถึง นี่คือ Avocado & Smoked Salmon Gnocchi

เป็น Smoked Salmon ในซอส Lemon Butter มี Avocado กับ Gnocchi เป็นลูกกลมๆ โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่ง Smoked Salmon รมควันได้ที่กำลังดี ไม่มีกลิ่นคาวหรือกลิ่นควันแม้แต่น้อย หั่นเป็นชิ้นสั้นๆขนาดพอดีคำ อโวคาโด้ก้อนกลมๆ เพิ่มรสหวานเมื่อทานคู่กับแซลมอน อโวคาโด้นั้นสุกได้ที่ ไม่แข็งแม้แต่น้อย รสชาติหอมหวาน ส่วน Gnocchi นุ่มไม่เหนียว เลม่อนบัตเตอร์รสชาติกลมกล่อมมาก ต้องทานคู่กับแซลมอนจะได้รสชาติดีที่สุด โดยรวมแล้วเป็น Warm Starters ที่รสชาติดีมาก

จานต่อมาเป็น Cold Starters เป็น Foie Gras Torchon served on Toast มีฟัวกราส์สามชิ้นวางอยู่บนขนมปังปิ้ง มีผักสลัดที่มีส่วนผสมของ truffle vinaigrette มีรสเปรี้ยวนิดๆ ทานคู่กับฟัวกราส์เพื่อดับความคาวของตับห่าน เนื้อฟัวกราส์นั้นนุ่มมาก ตอนหั่นยังแข็งอยู่ แต่พอเอาเข้าปากเท่านั้น ละลายทันที หั่นและทานคู่กับขนมปัง ปาดซอสเล็กน้อยได้รสชาติดีมาก

พอทาน Starters เสร็จก็เริ่มค่ำมืดพอดี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายๆ คนรอคอย ระหว่างที่รอ Main Course เราเลยถือโอกาสนี้แอบไปเก็บภาพบรรยากาศของร้านในยามค่ำคืนมาฝากกันครับ


ด้านบนยอดโดมโค้มซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของร้าน Red Sky จะมีไฟสป็อตไลท์ยิงไป แล้วเปลี่ยนสีตลอดเวลา

สำหรับคนที่ชอบนั่งบาร์ ที่นี่ก็มีบาร์ที่ตกแต่งแสงได้อย่างสวยงามให้ท่านได้นั่งชิวและดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน

เช่นเดียวกับโต๊ะด้านบนสำหรับผู้ที่ไม่ได้สั่งอาหาร พอตกดึกโต๊ะก็ฉายแสงออกมา ให้บรรยากาศเหมือนเป็น Night Bar บนดาดฟ้านึกสูงใจกลางกรุงเทพมหานคร
หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่โต๊ะ เพื่อรอ Main Course ของเรา ซึ่งจานแรกมีชื่อว่า Verrigni Spaghetti with Nova Scotia Lobster เป็น Signature ของที่นี่ด้วย

สปาเก็ตตี้จานใหญ่มีกุ้งล็อบสเตอร์ประดับ ดูจากภาพก็จะพอเดาได้ว่ากุ้งนั้นตัวใหญ่มากๆ เนื้อกุ้งนั้นถูกนำมาผัดกับเส้นสปาเก็ตตี้ รสค่อนข้างจัด รสพริกไทยแรงมาก นอกจากเนื้อกุ้งล็อบส์เตอร์แล้วก็ยังมีมะเขือเทศกับพริกด้วย

ส่วนก้ามกุ้งชิ้นใหญ่ ตอนแรกเรานึกว่าเป็นกระดอก แต่พอเอาส้อมจิ้มไป พบว่ามันเป็นเนื้อทั้งชิ้นเลยครับ เนื้อส่วนนี้แน่นและหวานมาก ถือว่าเป็นไฮไลท์ของจานนี้เลยทีเดียว

อีกจานที่เป็น Signature ของร้านนี้คือ Crispy French suckling pork rack เป็นซี่โครงหมูสองชิ้น เสิร์ฟบนจานขนาดใหญ่ มีผั่งชีฝรั่งโรย ด้านข้างมีแผ่นมันฝรั่ง และแครอท ซี่โครงหมูย่างแบบ Well done ชิ้นหนา เนื้อแน่น เนื้อบางช่วงติดมันอยู่บ้าง ส่วนที่ติดหนังค่อนข้างกรอบมาก แต่มีรสชาติค่อนข้างเค็ม ทาน โดยรวมถือว่าจานนี้สอบผ่าน

พอทาน Main Course เสร็จเราก็สั่งของหวานต่อ แต่ระหว่างรอของหวานเราก็พอมีเวลาถ่ายรูปบรรยากาศมาฝากอีกเล็กน้อย

นี่เป็นภาพจากมุมที่เรานั่งในวันนี้ ปรับ White Balance ให้ท้องฟ้าเป็นสีแดงให้คล้องกับชื่อ Red Sky ของร้าน

ของหวานปิดท้ายคือ Profiteroles ถ้าเรียกแบบบ้านๆของหวานจานนี้ต้องเรียกว่า ไอศกรีมทอดทรงเครื่อง เพราะนอกจากไอศกรีมทอดแล้ว ยังมีเครื่องอีกมากมายล้นจาน เอแคลร์ไส้ไอศกรีมลูกค่อนข้างใหญ่ มีสามลูกสามรส ได้แก่ ไอศครีมวนิลา ราสเบอร์รี่ และช็อคโกแลต โรยหน้าด้วยบลูเบอร์รี่ แคนเบอร์รี่ สตอเบอร์รี่ และอัลมอนต์ มีไอซิ่งเป็นแท่งๆ ปักเอาไว้เพิ่มความสวยงาม ด้านข้างก็ยังมีวิปปิ้งครีมไว้ทานคู่กับไอศกรีม รสชาติของไอศกรีมผมผสานกันระหว่างหวานจากช็อคโกแลต (ค่อนไปทาง ดาร์ค ช็อคโกแลต) กับวนิลาซึ่งไม่หวานมากแต่หอมกลิ่นวนิลาและรสเปรี้ยวจากราสเบอร์รี่ ซึ่งค่อนข้างเปรี้ยวโดดจากรสอื่นๆ ตัวแป้งของ profiteroles ฟูและกรอบ ทานคู่กับไอศครีมและผลไม้อื่นๆได้ดี

สุดท้ายนี่เรานั่งชิวเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศต่อเล็กน้อยแล้วก็เช็คบิล เห็นบิลแล้วแทบตกใจ เพราะทั้งหมดนี่ปาไปเจ็ดพันกว่าบาท สำหรับ Starters 2 จาน Main Course 2 จาน Drink 2 แก้ว น้ำเปล่าหนึ่งขวด และของหวาน แต่ถือว่านานๆมาที และนอกจากอาหาร เรายังได้ดื่มด่ำบรรยากาศกรุงเทพยามราตรีบนดาดฟ้ากลางใจกรุง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราอิ่มเอมยิ่งกว่าอาหาร ถึงแม้ว่าค่าบรรยากาศจะไม่ได้คิดรวมอยู่ในบิล แต่ถ้าเราตีออกมาเป็นค่าความประทับใจ ก็ถือว่าคุ้มค่ากับราคานี้
สำหรับใครที่ต้องการลองบรรยากาศร้านอาหารสุดหรูแห่งนี้ สามารถมาได้ที่โรงแรม Centara Grand at Central World ท่านสามารถนำรถมาจอดที่โซนโรงแรม (ที่จอดบริเวณใกล้เคียงกับห้าง Central World) แล้วขึ้นลิฟท์มาชั้น 23 ซึ่งเป็นล็อบบี้ของโรงแรม แล้วต่อลิฟท์อีกตัวไปที่ชั้น 55 ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร
สุดท้ายนี้อยากแนะนำว่าซักครั้งที่ต้องลองไปร้านแห่งนี้ ถ้าอาหารราคาโหดไปหน่อย ก็ลองสั่งแต่เครื่องดื่มแล้วไปกินบรรยากาศดูก็ได้ และท่านจะได้ความประทับใจที่ไม่รู้ลืม
ข้อมูลทั่วไปห้องอาหาร Red Sky โรงแรม Centara Grand at Central World
Opening Hour:
18:00 - 01:00 hrs
Address:
999/99 Rama 1 Road, Pathumwan, Bangkok, 10330
Map:
No comments:
Post a Comment