ห้องอาหาร Up & Above เป็นหนึ่งในห้องอาหารหลายห้องของที่โรงแรมนี้ ตั้งอยู่บนชั้น 24 ของโรงแรม ห้องอาหารตกแต่งในสไตล์โมเดล ผนังเป็นกระจกเปิดโล่ง นอกจากจะทำให้ห้องอาหารสว่างไสวด้วยแสงธรรมชาติแล้ว ยังทำให้ผู้มาทานอาหารที่โรงแรมนี้ สามารถเห็นวิวของกรุงเทพได้อย่างชัดเจน
โต๊ะอาหารที่เราจองเอาไว้ตั้งอยู่ริมกระจกพอดี สามารถมองเห็นวิวฝั่งถนนวิทยุและแยกเพลินจิต บนเก้าอี้มีหมอนหนุนหลังด้วย ทำให้รู้สึกสบายขณะนั่งรับประทานอาหาร
สำหรับบุฟเฟ่ต์ในวันนี้ เนื่องจากช่วงนี้ทางโรงแรมประสบปัญหาลูกค้าลดลง ทำให้ไม่คุ้มที่จะทำ Full Buffet โรงแรมจึงลดลงมาเหลือแค่ Semi Buffet ซึ่งก็คือ เฉพาะ Starter กับของหวานเท่านั้นที่จะเป็นบุฟเฟ่ต์ ส่วน Main Course ลูกค้าจะต้องเลือกจากตัวเลือกที่ทางโรงแรมจัดให้เพียง 1 ชุดต่อหนึ่งคนเท่านั้น ซึ่งเราจะไปดูกันอย่างละเอียดว่า Starter กับของหวานที่ตักได้ไม่อั้นมีอะไรบ้าง และตัวเลือก Main Course มีอะไรบ้าง
สำหรับเครื่องดื่ม นอกจากน้ำเปล่าที่จะมีพนักงานคอยเติมให้ตลอดแล้ว ยังมีเครื่องดื่มแปลกๆให้ท่านได้ลองอีก เช่น น้ำกระเจี๊ยบ, น้ำขิง, น้ำใบเตย, และ น้ำดอกอัญชัญ
พอดับกระหายกันเรียบร้อยแล้ว ก็มาเริ่มดูอาหารกันเลย อย่างที่บอก เราจะรีวิวให้ดูว่า Starter, Main Course, และของหวานมีอะไรบ้างอย่างละเอียด
เริ่มจาก Starter สำหรับห้องอาหารในโรงแรมญี่ปุ่นแล้ว สิ่งที่หลายคนคาดหวังไว้ก็คงไม่พ้นอาหารญี่ปุ่น
สำหรับตัวเลือกปลาดิบที่นี่ประกอบด้วย แซลมอน, ทูน่า, กะพง, และซาบะ
ข้าวปั้นก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ เช่น หน้าปลาแซลมอน, หน้าปลาทูน่า, หน้าปลาหมึก, และหน้ากุ้ง
ที่ตกแต่งได้น่ารักก็คือไข่หวาน ที่ถูกตัดเป็นรูปหัวใจ วางอยู่กับซูชิมากิ สำหรับรสชาติและคุณภาพ อาหารญี่ปุ่นที่นี่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ๆ ทั้งความสดของปลาดิบ ข้าวญี่ปุ่น แต่ติดนิดหน่อยตรงที่ไข่หวานค่อนข้างจะจืด ไม่หวานเท่าที่ควร เหมือนทานไข่เจียวมากกว่า แต่ว่าเห็นที่ตัดตกแต่งสวยงามจึงพอให้อภัยได้
ข้างๆอาหารญี่ปุ่น มีอาหารทะเลวางให้เลือกทั้งหมด 3 ชนิด คือ หอยหวาน, กุ้ง, และปู ในส่วนของปูมีให้เลือกทั้งก้ามปู และกรรเชียงปู
หอยหวานตัวไม่ใหญ่มาก แต่เนื้อสด สามารถดูได้จากภาพด้านล่าง
ส่วนก้ามปูและกรรเชียงปู ดูจากขนาดแล้วเป็นปูขนาดกลาง เนื้อแน่น มีรสเค็มชัดเจน
เมื่อเสร็จจากอาหารญี่ปุ่นและอาหารทะเลแล้ว มาต่อกันที่อาหารฝรั่งกันบ้าง
กรีกสลัดมีเครื่องหลากหลาย ทำให้สามารถคงรสชาติอาหารเลื่องชื่อของแถมเมดิเตอร์เรเนียนไว้ได้อย่างดี
สลัดแฮมเป็นอีกเมนูหนึ่งที่น่าประทับใจ รสชาติความเค็มของแฮมทานคู่กับหอมแดงและมะเขือเทศ รสชาติออกมากำลังดี
สำหรับคนที่ชอบทานสลัดแบบเลือกเอง ที่นี่ก็มีสลัดบาร์ให้ท่าได้เลือกผักและน้ำสลัดที่ชอบได้อีกด้วย
ถ้าหากอยากทานอาหารไทย ที่นี่ก็มีอาหารไทยให้เลือกพอสมควร
เริ่มจากจานแรก ปลาหมึกผัดเผ็ดสมุนไพร ถูกจัดวางไว้ในพอร์ชั่นเล็กๆ ส่วนรสชาตินั้น รสเครื่องแกงค่อนข้างจัด แต่ไม่เผ็ดมาก
เมนูต่อไป ยำส้มโอในถ้วยขนาดเล็ก เนื้อส้มโอถูกมายำแล้วบรรจุในถ้วย มีกุ้งสดวางอยู่ด้านบน รสชาติของยำมีรสเครื่องแกงค่อนข้างแรง สำหรับชาวต่างชาติอาจจะรู้สึกว่าเผ็ดไปหน่อย
อีกเมนูหนึ่งคือกุ้งคอกเทล เนื้อกุ้งสดวางประดับอยู่ในถ้วย รสชาติของกุ้งเมื่อทานกับซอสกำลังดี ไม่เปรี้ยวไม่หวานจนเกินไป
อาหารไทยอีกชั้นที่น่าจะรู้จักเฉพาะคนไทย นั่นก็คือ ข้าวตังหน้าตั้ง ซึ่งทำมาจากข้าวนำไปทอดให้กรอบฟู ทานคู่กับ หน้าตั้งที่ทำมาจากหมูและกุ้งสับ นำไปเคี่ยวในเครื่องแกงกะทิ รสชาติดี เข้มข้นแต่ไม่จัดจ้านเกินไป
ที่เขียนไปทั้งหมดนี่คือ Starter ที่ท่านสามารถตักได้ไม่อั้น ลำดับต่อมาเราจะมาดู Main Course กันบ้าง อย่างที่ได้กล่าวไปว่า Semi-buffet สามารถตัก Starter กับของหวานได้ไม่อั้น แต่สำหรับ Main Course สามารถเลือกได้คนละ 1 อย่างจากเมนูเท่านั้น ซึ่งตัวเลือกของ Main Course ที่นี่มีทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง โดยประกอบไปด้วย แกงเขียวหวานไก่, ผัดเห็ดรวมมิตร, Red Snapper with Saffron sauce, Arborio Risotto with asparagus and parmesan foam, และ Roasted pork knuckle with potato gratin
เนื่องจากวันนี้เรามากันสองคน เลยสั่ง ขาหมูทอด กับ แกงเขียวหวานไก่
ขาหมูทอดชิ้นโตวางล่อตาล่อใจอยู่ที่เคาน์เตอร์ใกล้บริเวณบุฟเฟ่ต์ ใครที่สั่ง Main Course ไปแล้ง เดินผ่านเห็นขาหมูทอดชิ้นนี้มีสิทธิ์เปลี่ยนใจทุกราย
พอมาเสิร์ฟในจานก็ดูน่ารับประทานไม่แพ้กัน เนื้อขาหมูหั่นเรียบร้อยราดซอส เสิร์ฟพร้อมกับกราแตงมันฝรั่ง เนื้อของขาหมูติดมันเล็กน้อย ทานคู่กับซอสที่มาคู่กันมีรสเปรี้ยวหวาน กราแตงมันฝรั่งมีรสหวานไม่จืดดอย่างที่คิด ถือว่าเป็นเมนูเด็ดของที่นี่
Main Course อีกอย่างที่เราสั่งมาคือแกงเขียวหวานไก่ถูกนำมาเสิร์ฟทั้งหม้อดินเผา อุ่นด้วยไฟด้านล่าง ทานพร้อมคู่กับข้าวสวย 1 จาน แกงเขียวหวานรสค่อนข้างหวาน มีรสกะทิเข้มข้น ส่วนเครื่องประกอบด้วยไก่ชิ้นใหญ่ มะเขือ และใบมะกรูด โดยรวมจัดว่าอร่อย แต่ว่าถ้าให้เลือก ขาหมูทอดดูน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
พอเสร็จจากอาหารคาว ก็ได้เวลาของของหวาน ซึ่งมีตัวเลือกมากมายทั้งไทยและเทศ ทั้งเค้ก พุดดิ้ง ขนมไทยๆอย่าง ทองหยิบทองหยอด ข้าวเหนียวน้ำกะทิ และข้าวเหนียวมะม่วง
เมนูของหวานที่เราแนะนำให้ทานคือข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวห่อใส่ใบตอง เสิร์ฟคู่กับมะม่วงสุกที่ราดด้วยน้ำกะทิและโรยด้วยถั่วเหลือง
สรุปเบ็ดเสร็จแล้วค่าใช้จ่ายสำหรับ Semi-buffet วันนี้อยู่ที่ 1,130 บาท net ต่อคน ถือว่าเหมาะสมกับสถานที่และอาหาร แต่ถ้าทางโรงแรมเปลี่ยนจาก Semi-buffet เป็น Full-buffet เมื่อไหร่ ราคาอาจจะมี
การปรับขึ้น ต้องขอให้ท่านลูกค้าคอยติดตามข่าวกับทางโรงแรมให้ดี
สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมายังร้านอาหาร Up & Above ร้านอาหารตั้งอยู่บนชั้นที่ 24 ของโรงแรม Okura Prestige ท่านสามารถมาโรงแรมด้วยรถไฟฟ้า BTS ให้ลงที่สถานีเพลินจิต โรงแรมจะตั้งอยู่ที่หัวมุมของแยกเพลินจิตพอดี ท่านสามารถเดินจากสถานี BTS เข้าไปยังโรงแรมได้เลย นับว่าสะดวกมากๆ ส่วนถ้าใครขับรถมา สามารถนำรถมาจอดในโรงแรมได้
สรุปแล้วเป็นอีกหนึ่งบุฟเฟ่ต์ที่การันตีคุณภาพของอาหารโดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น ตัวเลือกของอาหารที่มีพอประมาณ แถมยังสามารถเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครไปได้อีกด้วย
ข้อมูลทั่วไปห้องอาหาร Up & Above – The Okura Prestige
Opening Hour:
Weekdays Semi-buffet 7:00 am – 7:00 pm
Saturday Semi-buffet 8:00 am.- 4:00 pm
Address:
ลุมพินี 57, ถนนวิทยุ, เขตปทุมวัน, กรุงเทพ 10230
Map:
No comments:
Post a Comment