[รีวิว] Colonade – The Sukhothai Bangkok

  • 0

image
โรงแรมสุดคลาสสิคย่านสาทร ด้วยธีมการตกแต่งโรงแรมแบบศิลปะสมัยสุโขทัยที่มีทั้งบ้านทรงไทย หน้าบรรณปราสาทหิน เทวรูปแบบขอมโบราณ และพนักงานที่แต่งกายด้วยชุดไทย ทำให้โรงแรมแห่งนี้โดดเด่นและเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่ชื่นชอบศิลปวัฒนธรรมของไทย ไม่ใช่แค่เพียงตัวโรงแรมที่เป็นที่รู้จัก แต่บุฟเฟ่ต์ของโรงแรมนี้ยังมีชื่อเสียงอย่างมากอีกด้วย วันนี้เราจะพาท่านไปทานบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติในบรรยากาศย้อนยุคสู่สมัยสุโขทัย


image

ร้านที่ว่าคือร้าน Colonade ซึ่งตกแต่งด้วยศิลปะไทยผสม ที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้ ภายในร้านนั้นโปร่งโล่งและสว่างด้วยแสงจากด้านนอกของร้าน

image

ทางร้านได้เลือกโต๊ะที่จองเอาไว้อยู่ติดริมหน้าต่าง สามารถเห็นด้านนอกของร้าน ซึ่งเป็นบ่อน้ำขนาดเล็กมีเจดีย์กลางน้ำ และยังนำหนังสือพิมพ์มาให้อ่านด้วย มีทั้งหนังสือพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

image

เนื่องจากเป็นร้านอาหารในโรงแรมที่มีศิลปะไทยโบราณ ดังนั้นเราจะขอเริ่มบุฟเฟ่ต์วันนี้ด้วยอาหารไทยกันก่อน อาหารไทยที่นี่มีทั้งอาหารไทยที่เป็นอาหารชาววัง และอาหารไทยสมัยใหม่

image

เริ่มจากน้ำพริกแบบชาววังที่วางจัดเรียงในภาชนะดินเผา มีหลนอยู่ในหม้อดินเผา สำหรับผักประกอบไปด้วยแตงกวา มะเชือ แครอท และถั่วฝักยาว รสชาติของหลนนั้นเข้มกลมกล่อม และไม่เผ็ด ทานคู่กับผักชนิดไหนก็เข้ากันได้ดี เหมาะสำหรับให้ชาวต่างชาติลองรับประทานอาหารชาววังแบบไทยแท้

image

ลาบเป็นอีกหนึ่งอาหารไทยที่ท้องถิ่นแท้ๆ ที่มีให้ลอง แต่นำมาประยุกต์ทำเป็นลาบเห็ดโดยใช้ทั้งเห็ดเข็มทอง และเห็ดชิเมจิ แต่ทว่ารสชาติของลาบเมนูนี้เผ็ดจี๊ดมาก ทางร้านน่าจะใส่พริกมาเยอะมาก จนไม่แน่ใจว่าชาวต่างชาติจะทานไหวรึเปล่า

image

ยำแหนมเป็นอีกจานรสชาติค่อนข้างจัด คิดว่าน่าจะถูกปากคนไทย น้ำยำรสเข้มข้น แหนมชิ้นใหญ่ไม่มีพริก ยำพร้อมกับขึ้นช่าย ตกแต่งด้านบนด้วยดอกอัญชัญเพิ่มสีสันให้กับอาหาร

image

ยำซีฟู้ดอีกหนึ่งอาหารไทย ที่นำทั้งกุ้งสด ปลาหมึก มายำ เช่นเดียวกับจานอื่นก่อนหน้านี้ รสชาติยำค่อนข้างเผ็ด แต่กุ้งนั้ตัวค่อนข้างใหญ่และสด เช่นเดียวกับปลาหมึก

image

ถุงทองวางอยู่ในถาดทองเหลืองอย่างสวยงาม ข้างในถุงทองนั้นเป็นเนื้อกุ้ง รสชาติกลมกล่อม จะทานเปล่าๆก็ได้ หรือทานคู่น้ำจิ้มหวานก็อร่อย
ถัดจากาอาหารไทยแบบดังเดิม ก็มาต่อที่อาหารไทยสมัยใหม่บ้าง ซึ่งจริงๆแล้วมีหลายเมนูให้เลือก แต่เราหยิบยกมา 2 เมนูคือ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง, และปลาผัดพริกไทยดำ

image
image

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ไก่กรอบ แต่เนื้อเหนียว ใส่ซอสตอนผัดไม่หนักมากทำให้สีไม่เข้มมาก นอกจากไก่ยังมีเม็ดมะม่วงหิมพานต์, แห้ว, หอมหัวใหญ่, และถั่วฝักยาว รสชาติหวานเค็มกำลังดี ส่วนปลาผัดพริกไทยดำ ปลาเนื้อนุ่ม ผัดไม่แห้ง รสพริไทยไม่แรง มีพริกหยวก ต้นหอม และหัวหอมเป็นเครื่องด้วย โดยรวมทั้งสองเมนูนี้สอบผ่านครับ

image

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของที่นี่คือมี Soup of the Day ซึ่งจะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน ของวันนี้เป็นซุปเห็ด หลังจากตักแล้วสามารถเรียกให้พนักงานใส่พริกไทยเพิ่มได้ รสชาติซุปนั้นหอม หวาน ข้น และมีรสเห็ดเข้มข้น ทานแล้วต้องไปเติมอีกถ้วย

image

อีกหนึ่งอาหารไทยคือเคาน์เตอร์ก๋วยเตี๋ยว เป็นก๋วยเตี๋ยวเป็ด และไก่ ส่วนเส้นมีเส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ให้เลือก นอกจากนี้เครื่องยังมีตับเป็ดอีกด้วย เราสามารถเลือกเส้นและเนื้อที่ต้องการให้เชฟปรุงให้ได้ และนี่คือ ก๋วยเตี๋ยวของเราวันนี้ เกาหลารวมเป็ดไก่

image

ก๋วยเตี๋ยวมีน้ำซุปอร่อย ออกหวานๆเค็มๆ น้ำไม่ข้นมาก ส่วนทั้งเนื้อเป็ดและเนื้อไก่ถูกแร่เป็นชิ้นบาง ทานง่าย เหมาะจะเป็นเมนูคั่นระหว่างอาหารหนักอื่นๆ
image

อีกหนึ่งเคาน์เตอร์ที่ได้รับความนิยมคืออาหารญี่ปุ่น ที่นี่มีทั้งปลาดิบและซูชิให้เลือก ปลาดิบประกอบไปด้วย แซลมอน, ทูน่า, กะพง,และปูอัด ส่วนซูชิก็มีหน้าหลากหลาย รวมทั้งแบบ Roll ด้วย สำหรับคุณภาพของปลาดิบต้องบอกว่าสดมากๆ จนน่าประทับใจ

image

เมนูหนึ่งที่อยากแนะนำ คือหอยหวานหมักซอส หอยหวานสด เนื้อไม่เหนียว ซอสมีรสออกหวานๆ ตัดกับรสเค็มนิดๆของเนื้อหอยลายได้ดี ใครมาทานที่ร้านนี้ แนะนำว่าต้องลองชิมหอยหวานหมักจานนี้

image

นอกจากอาหารญี่ปุ่นแล้วก็มีอาหารจีนบ้าง คือมีซาลาเปาหลากหลายหน้าให้เลือก ใครชอบหน้าอะไร ก็เลือกในเข่งได้ตามใจชอบ

image

มาดูอาหารกลุ่มเนื้อบ้าง ที่นี่มีปลากะพงตัวใหญ่รอให้ท่านลองชิมเนื้อ เช่นเดียวกับ Beef เนื้อชิ้นใหญ่ที่วางยั่วยวนให้ลองทาน

image
image
image

ปลากะพงมีเนื้อที่แน่นและสด พนักงานจะราดน้ำจิ้มซีฟู้ดมาให้เสร็จสรรพ ส่วนเนื้อ นุ่ม และติดมันเล้กน้อย ราดด้วยซอสเกรวี่ ทั้งสองอย่างนี้รสชาติดี คนทานเนื้อห้ามพลาด

image

อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจที่เราเลือกมารีวิว ก็คือ สตูว์หางวัว  เนื้อเป็นเนื้อติดกระดูก แต่เนื้อนิ้มมาก แตะเบาๆก็ลอกออกจากกระดูกได้ง่าย รสชาติซอสสตูว์อออกเค็มหวาน ส่วนเนื้อหางวัวก็นิ่มทานได้เรื่อยๆ อีกเป็นหนึ่งเมนูที่ต้องลอง

image

สำหรับอาหารอิตาลีก็มีเส้นพาสต้าให้เลือกสองแบบ คือ Spaghetti กับ Linguine เส้นดำ เชฟจะลวกเส้นสดๆ ก่อนนำไปผัดกับซอสที่เลือก

image

อาหารทะเลของที่นี่มีสองอย่าง คือหอยแมลงภู่ กับกุ้ง หอยแมลงภู่ตัวไม่ใหญ่มาก เนื้อค่อนข้างสด เช่นเดียวกันกับกุ้งที่ตัวไม่ค่อยใหญ่มาก

image

สำหรับคนชอบทานสลัดก็มีสลัดบาร์ให้เลือกผสมผักที่ต้องการ หรือคนที่ชอบสลัดแบบทำสำเร็จ ก็มีทั้ง Beef Salad, Pork Salad, Seafood Salad

image

เมื่อทานของความเสร็จแล้วก็มาต่อกันที่ของหวาน ที่นี่มีของหวานเช่น เค้ก ให้เลือกมากมาย

image
image

แต่ที่เราจะแนะนำคือเครปไอศกรีม เครปจะนำมาทอดในซอสแอปริคอท ซึ่งมีกล้วยอยู่ด้วย ก่อนเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมซึ่งมีให้เลือก 4 รส ได้แก่ วนิลา, กาแฟ, แมนดาริน, และสตรอเบอร์รี่

image
image

เนื่องจากเครปเพิ่งถูกทำเสร็จใหม่ๆ ร้อนมาก วางประกบคู่กับไอศกรีม ทำให้ไอศกรีมละลายเร็วมาก เครปนั้นมีกล้วยที่ปรุงในซอสอยู่ด้วย เราราดหน้าด้วยช็อคโกแลตกับแอลมอน ทานคู่กับไอศกรีมวนิลา ปิดท้ายบุฟเฟ่ต์ในวันนี้

image

สรุปค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ตกอยู่ที่คนละ 1,353 บาท ถือว่านอกจากรับประทานอาหารรสเลิศได้ไม่อั้นแล้ว ก็ยังดื่มด่ำบรรยกาศแบบไทยโบราณไปในตัวด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจมาทานบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติในบรรยากาศไทยๆแบบนี้ สามารถมาได้ที่ห้องอาหาร Colonade โรงแรมสุโขทัย ซึ่งตั้งอยู่ที่ต้นถนนสาทร ถ้ามาจากสถานี MRT ลุมพินี ให้ออกที่ทางออกหมายเลข 2 เดินตามถนนสาธรมาเรื่อยๆ ประมาณ 500 เมตร จะเห็นโรงแรมสุโขทัยอยู่ทางด้านซ้าย เดินลึกเข้ามาในโรงแรมผ่านล็อปปี้ก็จะถึงห้องอาหาร สำหรับผู้ที่ขับรถมา ทางโรงแรมก็มีที่จอดรถให้ ห้องอาหารเปิดให้บริการเฉพาะมื้อเช้าและมื้อกลางวัน รวมถึง Sunday Branch ด้วย

สรุปบุฟเฟ่ต์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ชอบบรรยากาศแบบไทยโบราณ ควบคู่กับอาหารหลากหลายคุณภาพดี อีกทั้งทำเลที่ตั้งยังใกล้แหล่งธุรกิจอย่างสาทร เหมาะที่จะไว้เลี้ยงลูกค้าชาวต่างชาติที่ชื่นชอบศิลปะไทย หรือพบปะสังสรรค์ระหว่างวัน

ข้อมูลทั่วไปห้องอาหาร Colonade – The Sukhothai Hotel
Opening Hour:
Breakfast: 06:30 - 10:30 hrs.
Lunch: 12:00 - 14:30 hrs.
Sunday Brunch: 12:00 - 15:00 hrs.

Address:
13/3 ถนนสาธรใต้, กรุงเทพ, 10120

Map:

No comments:

Post a Comment